Title: Life in Different Sound
Fandom: Katekyo Hitman Reborn ! (c) Amano Akira
Paring: 1859 (Hibari * Gokudera)
Rating: PG13
Author: Devilz79
-------- T r a c k 4 : รึ เ ป ล่ า ------------------------------------------
ประตูไม้สีน้ำตาลเข้มเปิดพลั่วะออกมา ตามด้วยร่างเพรียวที่ในปากคาบขนมปังแผ่นเอาไว้ ใบหน้าที่ประดับด้วยผมสีเงินฟูๆ เหลียวมองซ้ายขวา เมื่อพบเจอเป้าหมายริมฝีปากนั้นคลี่ออกมาบางๆ มือข้างหนึ่งเกี่ยวรองเท้าให้เข้าที่ ก่อนจะใช้เท้าอีกข้างนั้นเขี่ยประตูห้องให้ปิดแล้วหมุนลูกกุญแจล็อค
สองเท้าก้าวลงบันไดที่มีแผ่นหลังสีดำยืนหยุดอยู่อย่างรวดเร็ว
โกคุเดระ ฮายาโตะพลิกข้อมือที่สวมนาฬิกาขึ้นมาดู เวลาบนหน้าปัดพาให้คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างงุนงง แต่ความคิดนั้นก็ต้องสะบัดหายไปเมื่อแขนแตะถึงสัมผัสเย็นของอะไรบางอย่างที่พาให้สะดุ้ง
ตากลมเหลือบมองที่ท่อนแขนตนเอง กล่องนมสีขาวสะอาดตามีตัวอักษรสีดำพาดเป็นชื่อยี่ห้อ
“หะ...” เปล่งเสียงออกจากลำคอด้วยความไม่แน่ใจ ค่อยเอื้อมมือไปรับกล่องนั้น แม้จะยังไม่ได้คำตอบอะไรจากดวงตาสีดำที่ยังไร้ความรู้สึกอย่างน่าหมั่นไส้
...เบา
ความรู้สึกแรกหลังจากที่เอื้อมมือไปรับกล่องนมนั้นมาไว้กับมือ โกคุเดระขมวดคิ้วจะหันไปถามถึงความแปลกๆ แต่เมื่อสะบัดข้อมือแล้ว
แก่ก แก่ก...
เสียงเศษนม (?) ที่เหลือเพียงก้นของกล่องดังราวกับจะหัวเราะเยาะให้กับความพลาดท่าของคนหัวเงินที่ถือนมกล่องนั้นมาไว้ในมือเสียแล้ว
ฮิบาริ เคียวยะมองคนที่ยืนหยุดนิ่ง แต่มือบีบกล่องกระดาษจนยับย่นไม่เหลือซาก ไหล่หนาภายใต้เสื้อคลุมสีดำไหวไปมาเบาๆ ใบหน้าและดวงตายังราบเรียบไม่บอกอารมณ์เหมือนเคย
แต่สำหรับโกคุเดระ ฮายาโตะ นักเรียนม.ปลาย โรงเรียนนามิโมริ สภาพกำลังยืนถือกล่องนมที่มีเพียงเศษเสี้ยววิญญาณของนม อารมณ์ ไม่สามารถบรรยายได้
เขาเห็น...ไอ้รอยยิ้มสะใจของไอ้บ้าฮิบารินั่น เขาเห็นชัดเจน... !!
“โอ้ โกคุเดระ” เสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มสดใสปรีเปรมของยามาโมโตะ พาให้คนโดนทักถอนหายใจอย่างเนือยๆ แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ของตัวเองอย่างเซ็งชีวิต
นอกจากตอนเช้าจะตื่นสายกว่าปกติแล้ว ยังจะได้กินแค่ขนมปังแผ่นเดียวอีก
“วันนี้มาสายนะเนี่ย...” ยามาโมโตะผู้เริงร่าเดินยิ้มเข้ามาคุยกับเพื่อนที่ไม่ได้มีท่าทางเริงร่าต้อนรับเช้าวันใหม่เอาเสียเลย
ร่างบางมองนาฬิกาข้อมือ แล้วกลับไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามตัวเอง...ไอ้นี่มันพูดจริงหรือกวนประสาทวะ ปกติแล้วเขาไม่เคยมาก่อนเวลานี้ด้วยซ้ำไป...หมายถึง...ช่วงก่อนหน้านี้น่ะ
“แต่ว่าไปช่วงนี้นายก็มาเช้านะ เกิดไรขึ้นเหรอ?” สีหน้าไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นฉาบบนใบหน้าของนักกีฬาหนุ่มอย่างเต็มที่ พาลให้คนเซ็งชีวิตหงุดหงิดเอาได้ง่ายขึ้น
เขามาเช้าเหรอ...เฮอะ
ไม่ได้เป็นเพราะใครหรอกน่า
เท้าเล็กใต้รองเท้าถีบขาโต๊ะอย่างหงุดหงิดเมื่อคนผมสั้นยังพยายามจะชวนคุยสัพเพเหระที่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะคุยสุดๆ เขาไม่เข้าใจเลยว่าชีวิตของยามาโมโตะไปกอบโกยไอ้ความอารมณ์ดีกับรอยยิ้มที่มีจนล้นหลามนั่นมาจากไหน...ผิดกับอีกคน
ครึ่ก
กล่องนมสีขาวเลื่อนออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ
“อะ สวัสดีครับคุณเคียว” รองประธานหนุ่ม (?) ในทรงผมรีเจนท์อันเป็นตำนาน เปิดประตูห้องรับแขกแล้วชะงักเมื่อเห็นผู้เป็นหัวหน้านั่งอยู่เบื้องหลังโต๊ะทำงานแล้ว
คุซาคาบะเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าวันนี้ท่านประธานของเขาดูเหมือนจะอารมณ์ดีกว่าวันปกติเล็กน้อย...เท่าที่สัมผัสได้แค่เล๊กกกกน้อยน่ะนะ แต่นั่นแหละมันคือเรื่องที่น่าประหลาดใจแห่งยุคเชียวนะ !
ฮิบาริหลังกองเอกสารเงยหน้าขึ้นมามองลูกน้องที่เดินถือซองเอกสารเล็กๆ เข้ามา ก่อนจะก้มหน้าอ่านแผ่นกระดาษตรงหน้าต่อ
“เอ่อ...คุณเคียวครับ นี่เป็นเอกสารจากกระทรวง เรื่องนักเรียนแลกเปลี่ยนครับ” ชายร่างหนาวางซองสีน้ำตาลลงบนโต๊ะของผู้คุมกฎแห่งนามิโมริ ตามปกติแล้วอาจารย์ก็จะเป็นผู้อนุมัติเหมือนโรงเรียนอื่น แต่ว่าก่อนที่เอกสารจะผ่านไปยังมือของอาจารย์ฝ่ายต่างๆ นั้น รายชื่อต้องถูกบันทึกเข้ากับคณะกรรมการฯ เสียก่อน
ฮิบาริพยักหน้ารับรู้กับการมาถึงของเอกสารนั้น
“ช่วงนี้คุณเคียวมาโรงเรียนช้ากว่าปกตินะครับ”
ไม่ทราบว่าสิ่งใดในสากลโลกดลใจให้คุซาคาเบะเอ่ยปากพูดกับผู้เป็นนายในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่เรื่องดินฟ้าอากาศก็ไม่เคยพูดถึงกันมาก่อน...และก่อนที่คุซาคาเบะจะได้รู้ตัวว่าช่วงนี้ควรไปทำบุญสะเดาะเคราะห์เพราะโดนสิ่งชั่วร้ายเข้าครอบงำสมองส่วนการพูด สายตาที่ดูเหมือนจะ ‘อารมณ์ดี’ ในความรู้สึกของคุซาคาเบะกลับทิ่มแทงร่างหนาจนแทบจะทะลุไปกองกับพื้น
“ข...ข...ผมขอตัวออกไป...ตรวจที่ประตูก่อน...นะครับ” เหมือนลิ้นมันจะจุกคอเสียดื้อๆ โชคดีที่คุซาคาเบะไหวตัวทัน สามารถพลิกสถานการณ์ให้เป็นไปอย่างราบรื่นอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด (เหรอวะ?)
สองขายาวก้าวฉับๆ ออกไปโดยไม่ต้องรอคำอนุญาตจากอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว ถึงจะไม่อนุญาตเขาก็จะไม่ทนอยู่ในห้องที่เหมือนมีธนูมาเสียบตามตัวเขาแบบนี้หรอก ให้ตายเถอะ
หรือเขาจะมองผิดไป...ความอารมณ์ดีแห่งยุคน่ะ มันหมดสิ้นไปแล้วสินะ
ชายร่างหนาเดินออกจากประตูไปด้วยบรรยากาศมาคุติดตัว เจ้าพลาดแล้ว คุซาคาเบะ เท็ตสึยะ
ฮิบาริมองแผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลออกไปของผู้เป็นลูกน้อง
เขาไม่ได้มาโรงเรียนช้าเสียหน่อย...แต่เพราะคนบางคนมันมาสายกว่า...ต่างหากล่ะ
ร่างโปร่งเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ นึกถึงใบหน้าบูดเบี้ยวที่เต็มไปด้วยความโมโหของคนผมเงินแล้วมันอดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะออกมา เรื่องเมื่อเช้าเขาไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอีกฝ่ายเลย แต่ก็...นะ
มือยาวเอื้อมหยิบเอกสารที่คุซาคาเบะวางทิ้งไว้ใน เปิดผนึกที่ปิดซองออก แล้วดึงกระดาษแผ่นสีขาวที่อยู่ข้างในนั้นออกมา อักษรคันจิตัวใหญ่ที่เขาคุ้นเคยดีปรากฏ ภาพถ่ายที่แนบคู่มาด้วยยิ่งสร้างความชัดเจน
ฮิบาริทิ้งเอกสารแผ่นนั้นลงบนโต๊ะทำงานอย่างไม่ใยดี
“เฮ้...โกคุเดร๊าาาาา~” เสียงตะโกนมาแต่ไกล พาให้ร่างเล็กต้องหันรีหันขวางหาต้นเหตุของเสียง ที่มันดังลอดผ่านลูกกรงของสนามกีฬา พร้อมกับนักกีฬาตัวสูงที่โบกไม้โบกมืออย่างเอาเป็นเอาตาย “ยังไม่กลับเหรอ?”
โกคุเดระย่นคิ้วกับคำถาม ถ้าเขากลับไปแล้ว ไอ้คนที่ยืนหัวเงินตรงนี้มันใครกันล่ะ แต่เพื่อเป็นการรวบรัดตัดความ คนผมเงินเลือกที่จะตอบกลับไปสั้นๆ “เออ”
“ฉันกลับด้วยเอามั้ย?” อีกฝ่ายยังคงตะโกนถาม พาให้คนโดนถามทำหน้าย่นเพิ่มเข้าไปอีก...ไม่ได้ปรารถนาเลยเฟ่ยยย
คนตัวเล็กพลิกดูนาฬิกาข้อมือ “ไม่ต้องเว้ย แกซ้อมบ้าๆ บอๆ ของแกต่อไปเลย ฉันจะกลับแล้ว” ตะโกนตอบกลับไป แล้วเดินไปยังจุดหมายของตัวเองในตอนแรกก่อนที่จะโดนยามาโมโตะทักไว้ มือเล็กกระชับหนังสือเล่มหนาในมือ
นักกีฬาหนุ่มพยักหน้ารับคำตอบของเพื่อนอย่างงงๆ เข้าใจหรอกนะว่าจะกลับแล้ว...แต่ว่าทางที่โกคุเดระเดินไป มันคือทางตัวอาคารไม่ใช่หรือไง ? ตรงข้ามกับประตูโรงเรียนชัดๆ
...แล้วอะไรคือ ‘จะกลับแล้ว’ ?
ยามาโมโตะยิ้มออกมาเบาๆ เมื่อนึกได้ว่ามี ‘อะไร’ ที่อยู่ที่ตัวอาคารในเวลาเย็นๆ แบบนี้
“คุณเคียวครับ เอกสารที่คุณเคียวขอไว้มาแล้วนะครับ ส่วนอันนี้เป็นจดหมายร้องเรียนอะไรสักอย่างถึงคุณเคียว ผมเลยไม่ได้เปิดดูก่อน” คุซาคาเบะยื่นเอกสารอีกกองให้กับคนที่ครองตำแหน่งหัวหน้า ก่อนจะเหลียวมองออกไปข้างหน้าต่าง แล้วพบกับภาพแปลกประหลาด
...ในช่วงไม่กี่วัน...หรือสัปดาห์ที่ผ่านมา
“อะ...นั่นมันโกคุเดระ ฮายาโตะนี่ครับ”
ด้วยชื่อนั้น เรียกให้คนผมดำเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาเอกสารมาให้แล้วเคลื่อนตัวไปยังหน้าต่างของห้องรับแขก มองลอดผ่านกระจกบานใสไป...เรือนผมสีเงินที่ตกลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกจากการก้มหน้าอ่านหนังสือเล่มเก่าในมือ แผ่นหลังเล็กดูจดจ่อกับเนื้อหาในกระดาษเหล่านั้น
เป็นภาพที่แปลกตา แต่คุ้นเคยดี
“เท็ตสึ นายตรวจสอบความเรียบร้อยของอาคารเรียน แล้วถ้าจะกลับก็กลับไปได้ หนังสือพวกนี้ฉันจะมาดูพรุ่งนี้” เสียงเรียบสั่งการพลางลุกขึ้น เกี่ยวเสื้อคลุมที่พาดไว้บนเก้าอี้ขึ้นมาคลุมไหล่
“ครับ?”
“ฉันจะกลับแล้ว”
คำพูดนั้นพาให้คุซาคาเบะขมวดคิ้วนิดๆ การเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นนายในช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้เขาค่อนข้างงุนงง เพราะเมื่อก่อนนั้น ยากมากกับการที่ฮิบาริ เคียวยะจะกลับก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน และบางวันคนคนนั้นก็ยังจะนอนเอาที่โรงเรียนเสียดื้อๆ ด้วยซ้ำไป
“ได้ครับ คุณเคียว” คุซาคาเบะเรียนรู้ที่จะรับคำสั่งมากกว่าการตั้งคำถาม จากสายตาทิ่มแทงเมื่อตอนเช้า แม้ตอนนี้เขามีคำถามมากมายจะถามออกไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่การเป็นรองประธานกรรมการรักษาระเบียบ ก็สอนเขาว่า...ชีวิตคนเรามีค่านัก (!?)
ฮิบาริ เดินออกจากห้องรับแขกของตัวอาคารโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
คุซาคาเบะก้าวเท้าไปยังกรอบหน้าต่าง โกคุเดระ ฮายาโตะยังนั่งอ่านหนังสือท่าเดิม เด็กหนุ่มที่ซัดกับกรรมการรักษาระเบียบอย่างพอฟัดพอเหวี่ยง คนที่ดูเหมือนจะดึงดูดการต่อยตีมาเป็นประจำและก็เหมือนจะกำลังดึงดูดเจ้านายของเขาเสียด้วย
เฮ่อ...คงเป็นแม่เหล็กดูดการต่อยตีตัวแม่เลยสิน้า ~
เสียงเท้าที่แตะลงบนพื้น เรียกให้คนที่จดจ่อกับตัวหนังสือละสายตา แล้วเอี้ยวตัวกลับไปมอง ก่อนจะหันกลับมากราดสายตาผ่านหน้ากระดาษ จดจำเลขหน้า ค่อยปิดหนังสือเล่มนั้นลงแล้วยืดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
คนตัวสูงที่มีเสื้อนอกสีดำพาดบนบ่ามองคนที่กำลังลุกขึ้น
ร่างเล็กก้าวเดินออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พอๆ กับฝีเท้าที่ก้าวตามมาติดๆ กัน
เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามายังหน้าห้อง พาให้คนผมเงินที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูค่อยๆ แง้มประตูเปิดออกมา แล้วเหลือบสายตามองผ่านช่องว่างของบานไม้สีเข้ม เป็นร่างสูงโปร่งในเสื้อนอกสีดำเดินผ่านประตูนั้นด้วยฝีเท้ามั่นคง ก่อนแผ่นหลังนั้นจะค่อยๆ ลับหายไปกับมุมเลี้ยวของบันไดทางขึ้น-ลง
โกคุเดระ ฮายาโตะเม้มปากแน่นสนิทราวกับไม่ต้องการให้เกิดเสียงใดๆ มือเล็กที่จับคาที่ลูกบิดกำลังจะดึงมันเข้ามาให้ปิดสนิทเหมือนเดิม ทว่า...เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบากว่าเดิม แต่ไม่สามารถหลบจากโสตประสาทของคนหูดีอย่างโกคุเดระได้นั้น พาให้ร่างบางชะงักมือค้างเอาไว้
เขาเห็นฮิบาริเดินกลับมาจากทางบันไดด้วยเสียงที่เงียบกว่าเดิม...แล้วมาหยุดยืนที่หน้าห้องเขา
ตากลมมองภาพตรงหน้าแล้วย่นคิ้ว มือเล็กลากบานประตูที่แง้มออกให้ช่องว่างแคบลงกว่าเดิม ร่างสีดำนั้นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วถอนหายใจ ก่อนที่ดวงตาคมกริบคู่นั้นจะเลื่อนมาสบกับสายตาของคนหลังประตูอย่างพอดี
บ้าน่า...เจ้านั่นไม่รู้หรอกว่าเขาแอบมองอยู่
สองแขนยาวยกขึ้นกอดอก อิงแผ่นหลังเข้ากับระเบียง ใบหน้าเรียบเฉยอันไร้ความรู้สึกนั้นคล้ายจะกำลังยิ้มออกมาเบาๆ ในสายตาของคนที่ลอบสังเกตการณ์อยู่
อะไรฟระ ! เจ้าฮิบาริยิ้มอะไรของมัน
คนตัวเล็กบึ้งหน้าอย่างหงุดหงิดกับภาพที่ตัวเองสัมผัสได้ คิ้วเรียวมุ่นขมวด เสียงฮึดฮัดส่งออกมาจากลำคอเบาๆ มือเล็กที่กำลูกบิดเอาไว้เผลอผลักไสมันออกมาเบื้องหน้า และตัวเองก็เพิ่งทราบหลังจากที่ถลาออกมาจากบานประตูมาเผชิญหน้ากับร่างที่ทำหน้านิ่งในชุดสีดำมืด
ฮิบาริยืนกอดอก
“ยิ้มบ้าอะไรของแกนักวะ ไอ้เจ้านี่!” พูดเสียงดังใส่คนที่ยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรแม้แต่นิดเดียว
ฮิบาริไหวไหล่แล้วหัวเราะในลำคอเพียงเบาๆ และนั่นก็เพียงพอต่อการทำให้คนผมเงินรู้สึกอยากจะโวยวายใส่หน้าเสียเหลือเกิน และความรู้สึกนั้นก็ถูกทวีคูณด้วยคำพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ออกมาได้แล้วเหรอ โกคุเดระ ฮายาโตะ?”
เจ้าของชื่อร้อนหน้าผ่าว เท้าเล็กหันไปเขี่ยประตูห้องให้ปิดดังปัง ก่อนจะรีบล็อคกุญแจแล้วสับเท้าออกไปจากเบื้องหน้าของอีกฝ่ายให้รวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองเท้าก้าวสลับลงบันไดอย่างรวดเร็วจนร่างเล็กนึกอยากจะกระโจนลงไปข้างล่างให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
ไม่รู้ว่าอะไร...แต่ตอนนี้เพิ่งเข้าใจคำว่าแทบแทรกแผ่นดินหนี
ฮิบาริก้าวเท้าตามการเดินของเจ้าของห้องที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ รอยยิ้มจางแต้มไว้บนใบหน้าเรียบเฉย
“สวัสดีครับ คุณเคียว” คุซาคาเบะเอ่ยต้อนรับผู้เป็นนายที่เดินเข้ารั้วโรงเรียนมาด้วยท่าทางสงบนิ่ง ในขณะที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที เขาเห็นร่างฟึดฟัดของโกคุเดระ ฮายาโตะเดินเข้ามา
เหมือนกับโลกหมุนผิดด้าน...
วันที่นักเรียนต่างชาติผมเงินคนนั้นจะมาก่อนประธานกรรมการฯ นี่มันเป็นเรื่องที่หายากจริงๆ นะ
“เท็ตสึ สงสัยอะไรรึไง?” เสียงนิ่งเรียบเอ่ยถาม พาให้เจ้าของชื่อใจหายวูบก่อนจะปรับสีหน้าและความคิดให้มาเป็นปกติ มือหนาใหญ่โบกปฏิเสธ ก่อนจะก้มหน้าเอ่ยคำขอโทษที่ผู้เป็นนายไม่ได้ใส่ใจนัก
ฮิบาริเหลือบตามองศีรษะที่ก้มลงมองพื้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วก้าวเท้าเดินต่อ
คุซาคาเบะเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังที่ถูกเสื้อนอกสีดำคลุมทับเอาไว้ ถ้าเป็นปกติแล้วเขาคงโดนฟาดไปแล้ว ไม่มีคำถามว่าสงสัยอะไร หรือรอการปฏิเสธของเขาหรอก ร่างหนาถอนหายใจหนักๆ ออกมา ถึงจะสงสัยไปก็ไม่ได้มีประโยชน์และอย่าหวังว่าจะได้รับคำตอบใดๆ
เป็นลูกน้องคุณเคียวนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะครับ แหม่...
ฮิบาริ เคียวยะผ่อนปลายเท้าเมื่อเห็นร่างเพรียวในชุดเครื่องแบบที่ไม่เรียบร้อยนัก กำลังยืนหน้าหน้าให้หน้าต่าง ลมแผ่วยามเช้าพาให้เรือนผมนั้นปลิวสะบัดมาข้างหลัง แผ่นหลังที่มีเสื้อลู่ตามลมนั้นเรียกให้คนที่กำลังยืนมองเลิกคิ้วออกมา
มาทำอะไรถึงที่นี่ ?
ห้องรับแขกของโรงเรียนที่ถูกเปลี่ยนมาเป็นห้องของประธานกรรมการรักษาระเบียบไม่ได้อนุญาตให้สัตว์กินพืชงี่เง่าเข้ามา แต่เวลาแบบนี้พวกกรรมการรักษาระเบียบก็ไปอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน ไม่มีใครมาเฝ้าความเรียบร้อยของที่นี่
แน่นอน...ถึงมันจะอยากมาเฝ้า เขาก็ไม่อนุญาต
“ฮ....โกคุเดระ ฮายาโตะ” เสียงเรียกที่หลุดไปคำแรกชะงักไว้ แล้วเรียกด้วยชื่อเต็มแทน เสียงที่ไร้ความรู้สึกพาให้เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกแล้วหันขวับมาอย่างรวดเร็ว
มาตั้งแต่ตอนไหนฟระ !
ฮิบาริมองคนที่สะดุ้งแล้วหันขวับมา เรียวปากยกยิ้มเบาๆ แล้วให้มันจางหายไปอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาคมกวาดมองร่างตรงหน้าแล้วเห็นสิ่งที่มันดูผิดปกติที่อยู่ในมือของโกคุเดระ ฮายาโตะที่ทำหน้ายับ ราวกับคนอารมณ์ไม่ดี
“มาทำอะไร?”
เอ่ยถามเสียงนิ่ง แม้จะพอคาดเดาคำตอบบางอย่างได้ แต่...เขากลับไร้ความมั่นใจในคำตอบนั้นโดยสิ้นเชิง ร่างสูงแค่นหัวเราะกับความคิดของตัวเอง พาลให้โกคุเดระที่ยืนอยู่ยิ่งทำหน้ามู่ทู่เพราะนึกว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเราะเยาะตัวเอง
“ไม่ได้มาทำไรเฟ่ย...น่ารำคาญ”
โวยวายขึ้นมาแล้วลงส้นเท้าหนักๆ กับพื้นระเบียง คิ้วหนาเข้ารูปขมวดมุ่นแล้วเดินผ่านคนตัวสูงกว่าเล็กน้อยไปอย่างรวดเร็ว สองมือกำจนรูปทรงมันบิดเบี้ยว
คนผมดำระบายลมหายใจยาวๆ ออกมา ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปคว้าข้อมือเล็กให้เจ้าตัวหยุดชะงักอยู่กับที่
แต่ว่า...ฮิบาริน่าจะคิดผิด เพราะถึงแม้เขาจะคว้าแขนนั้นเอาไว้ได้ แต่ไอ้เจ้าหัวหงอกเงินนี่ไม่มีท่าทางว่าจะหยุดได้ง่ายๆ เลย สองเท้าในรองเท้ากีฬายังก้าวฉับๆ แม้อัตราเร็วจะลดลงก็ตาม พาให้คนที่คว้าขมวดคิ้วหงุดหงิดไปอีกคน
....แบบนี้มันน่าขย้ำให้ตาย !
“ฮายาโตะ !!” เสียงนิ่งเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงที่ดังขึ้นมาอีกระดับ คนหัวเงินขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์หยุดเดินแล้วพลิกตัวหันกลับมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อแรงเหวี่ยงบวกกับแรงดึง...
“ชะ...เฟ่ยยยยยยย !!!” คนผมเงินอุทานเสียงดังเมื่อตัวมันถลาเข้าไปหาคนที่ทำหน้ามาคุ สองเท้าจิกกับพื้นเพื่อหยุดการเคลื่อนที่ที่มิได้ปรารถนา มือข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถูกรั้งเอาไว้ยกขึ้นมาเพื่อเป็นการ์ดไม่ให้ต้องปะทะกับเจ้าหัวดำนั่นโดยตรง
แปะ...
กล่องนมสีขาวทรงประหลาดเพราะมันบิดเบี้ยวจากการบีบแน่นของโกคุเดระ ฮายาโตะ ประดับไว้บนใบหน้าของฮิบาริ เคียวยะที่ในเวลานี้แทบจะมีควันประหลาดพุ่งออกจากหัว
ปุ้ก...
แล้วมันก็ตกลงบนพื้น
ดวงตากลมสีเขียวกระพริบถี่ แหม่...ไอ้ความหงุดหงิดเมื่อกี๊มันหายไปไหนหมดน้า ~
มือเล็กสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายด้วยแรงทั้งหมดที่มี กลับหลังหันพร้อมจะวิ่งหนีความโกรธตรงหน้า ตามปกติแล้วคนอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะไม่เคยวิ่งหนีศัตรู
แต่ฮิบาริ เคียวยะ...ไม่ใช่ศัตรู (มั้ง ??)
“จะไปไหน...” เสียงเย็นแช่แข็งขาที่กำลังจะออกวิ่ง ฮิบาริก้าวเข้ามาล็อคคอคนที่เริ่มทำหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะย่อเข่าลงไปเก็บกล่องนมสีขาวที่ร่วงอยู่บนพื้น ออกแรงลากร่างที่กำลังโวยวายลั่นตึกเข้าไปโยนแหมะไว้ในห้องนั่งเล่นของโรงเรียนนามิ
เสียงริงโทนดังขึ้นมารอบที่สิบ หากแต่ผู้เป็นเจ้าของได้แต่นั่งมองหน้าจอไปกระพริบอยู่เฉยๆ ในขณะที่อีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองเหยียดมาเมื่อเห็นชื่อผู้ที่โทร.เข้ามา
‘ไอ้บ้าเบสบอล’
โกคุเดระแทบอยากจะพุ่งเข้าไปรับสายแล้วตะโกนด่าไอ้คนในสายให้ได้ระบายอารมณ์สักสองสามยก แล้วกำชับว่าหยุดโทร.จิกได้แล้ว ที่บ้านเลี้ยงด้วยข้าวเปลือกหรือไง...
แต่ว่า...
“นายจะให้ฉันนั่งตรงนี้ทำบ้าอะไรว้า...” โวยวายออกมาเสียงเบา ใบหน้าฉาบไปด้วยความหงุดหงิดที่ผสมกับความงุนงง ตอนแรกนึกว่าจะถูกอัดจนเละ แต่ไอ้บ้าหัวดำนี่กลับลากให้เขามานั่งเฉยๆ แล้วมองมันเจาะนมกินอย่างสบายใจ
“ไม่รู้สินะ”
โกคุเดระนิ่วหน้ากับคำตอบที่ได้รับ ไม่ใช่คำตอบที่น่าพอใจเลยสักนิด ไอ้อารมณ์ที่เหมือนเด็กๆ ของไอ้บ้าข้างห้องเขานี่มันคืออะไรฟระ !
“ไอ้บ้า” สบถขึ้นมาเบาๆ แต่แน่นอนว่าตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน เพราะงั้นแม้จะโดนมองกลับด้วยสายตาเขียวปั้ด คนผมเงินมิได้สะทกสะท้านใดๆ ทั้งปวง “ถ้าแกไม่มีอะไร...ฉันไปนะ”
ลุกขึ้นแล้วคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา พร้อมกับที่เสียงแผดร้องมันดังขึ้นมาเป็นรอบที่สิบเอ็ด
ป๊าดดดดดดดดดด ! ไอ้บ้านี่ญาติทำอยู่ NTT docomo รึไง กลัวสายสัญญาณว่างนักรึไงฟระ !
มือเรียวดีดฝาพับให้เปิดขึ้นแล้วตบมันลงเหมือนเดิม ว่าไปแล้ว...แล้วเขาจะมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไมให้ยามาโมโตะมันจิกตั้งสิบสาย หากจะเดินออกไป แน่นอน ว่าต่อให้ต้องลงไม้ลงมือในยามเช้า มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับคนอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะอยู่แล้ว
“เดี๋ยว...” เสียงเรียกเหมือนคนไม่มั่นใจ ทำให้คนที่คิดสะระตะในหัวหยุดความคิดตัวเองแล้วมองกลับไปยังต้นเสียงอย่างงุนงง เขาคิดว่าเขาคงหูฝาด...ที่คิดไปเองว่าได้ยินเสียงแบบนั้นจากปากของเจ้าหัวดำนี่
“อะไร?”
ฮิบาริหรี่ตามองคนที่ลุกยืนขึ้น แล้วค่อยยืดตัวลุกขึ้นยืนตาม แต่ว่าตัวเองกลับเดินไปยังกระจกบานใหญ่ที่มองออกไปจะเห็นเกือบทุกอาณาบริเวณของโรงเรียนนามิโมริแห่งนี้
“เปล่า จะไปไหนก็ไป”
ออกปากไล่ ยิ่งพาให้คนฟังอยากจะถลาเข้าไปสกายคิกส์กันสักรอบ แต่เมื่อมองออกไปตามสายตาของร่างสูงกว่า เขาเห็น...เก้าอี้ยาวตัวหนึ่งข้างสนามหญ้า
โกคุเดระเผลอยกริมฝีปากขึ้น ก่อนจะก้าวเท้าออกไปจากห้องรับรองโดยมีแผ่นหลังสีดำอยู่ในสายตา
“เฮ้ โกคุเดระ” เสียงแปดหลอดอันรบกวนวิถีชีวิตของโกคุเดระมาทั้งวัน พาให้คนผมเงินต้องหันกลับไปมองคนที่วิ่งหน้าตาร่าเริงเหมือนกระต่ายน้อยในป่าใหญ่ด้วยใบหน้าที่มีคำถามแปะไว้ว่า อะไรอีกกกกกกก !
นักกีฬาหนุ่มหัวเราะร่าเริงใส่หน้าของคนที่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วม คอนทราสกันสุดๆ “นี่ พรุ่งนี้ให้ฉันไปรับมั้ย นายจะได้ไม่มาโรงเรียนสายอีก” ชักชวนด้วยความบริสุทธิ์ใจ (?) แหม...ก็วันนี้กว่าจะมาถึงห้องเรียนได้ เขาต้องโทร.ตามไม่รู้จักกี่สาย แถมไม่ยอมรับสักสายอีกด้วย
โกคุเดระกระดกยิ้ม ก่อนจะยกมือห้าม “ไม่ต้อง แกมาทางไหนแกก็ไปทางเดิม”
“อ้าว...งั้นเหรอ” เกาหัวแกรก ทำหน้าเสียดาย “งั้น วันนี้กลับพร้อมกันป่าว แวะบ้านฉันก็ได้นะ วันนี้พ่อทำซาชิมิด้วย” พ่อหนุ่มร่างหนาเร่งทำการตลาดตัวเองอย่างรวดเร็ว ทว่าการตลาดนั้นต้องล้มเหลวเนื่องจากผู้รับสารไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
“ไม่เฟร้ยยยย แกไปทางไหนก็ไปทางนั้นเลย” สองมือผลักไหล่ของคนที่ยังยิ้มแย้มอารมณ์ดี นี่มันไปสูบกัญชามาใช่มั้ย !!! เขาจะแจ้งตัดมันออกจากการเป็นนักกีฬาประจำโรงเรียนนนน !
ยามาโมโตะพยักหน้าเข้าใจก่อนจะบอกลาพร้อมยกมือบ๊ายบาย ที่ทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องโบกมืออย่างส่งๆ เพื่อไล่ให้ตัวกวนใจกลับไปเสียที
โกคุเดระเดินตรงไปยังม้านั่งตัวยาวที่เขานั่งอยู่เป็นประจำ ตัวเดียว...กับที่เขามองมันเมื่อเช้า พร้อมๆ กับสายตาของใครบางคน
หนังสือเล่มหน้าถูกเปิดหน้าที่เขาจำไว้ ตัวหนังสือสีดำจากหมึกพิมพ์ยาวเรียงลงมาอย่างเป็นระเบียบ มือเรียวขยับแว่นตาให้เข้าที่ก่อนจะกวาดสายตาอ่านเนื้อหามันต่อไป
เสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาพาให้คนที่เริ่มอ่านขมวดคิ้วแล้วปิดหนังสือโดนคั่นไว้ด้วยนิ้วมือ หันหน้าไปตามเสียงที่ได้ยิน ร่างในชุดยูนิฟอร์มถูกระเบียบตั้งแต่เช้าจรดเย็นกำลังหยุดอยู่ในสายตาของเขา
ร่างเล็กไหวไหล่
“ยังอ่านไม่ถึงไหนเลย”
พูดเปรยออกมาเบาๆ แล้วยัดหนังสือเข้าไปในกระเป๋านักเรียนเหมือนเดิม พร้อมถอดแว่นสายตาเก็บไว้ในกล่องแล้วยืดตัวลุกขึ้นมา
สายตาสีดำสนิทจ้องมองดวงตาคู่เขียว เจ้าของร่างที่ยืนนิ่งอยู่เช่นกัน ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายผละสายตายออกมาเอง
สองเท้าก้าวเข้าไปลดระยะห่างระหว่างคนสองคน ก่อนที่ทั้งสองร่าง จะก้าวเดินไปในจังหวะเดียวกัน
สองเท้าก้าวลงบันไดที่มีแผ่นหลังสีดำยืนหยุดอยู่อย่างรวดเร็ว
โกคุเดระ ฮายาโตะพลิกข้อมือที่สวมนาฬิกาขึ้นมาดู เวลาบนหน้าปัดพาให้คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างงุนงง แต่ความคิดนั้นก็ต้องสะบัดหายไปเมื่อแขนแตะถึงสัมผัสเย็นของอะไรบางอย่างที่พาให้สะดุ้ง
ตากลมเหลือบมองที่ท่อนแขนตนเอง กล่องนมสีขาวสะอาดตามีตัวอักษรสีดำพาดเป็นชื่อยี่ห้อ
“หะ...” เปล่งเสียงออกจากลำคอด้วยความไม่แน่ใจ ค่อยเอื้อมมือไปรับกล่องนั้น แม้จะยังไม่ได้คำตอบอะไรจากดวงตาสีดำที่ยังไร้ความรู้สึกอย่างน่าหมั่นไส้
...เบา
ความรู้สึกแรกหลังจากที่เอื้อมมือไปรับกล่องนมนั้นมาไว้กับมือ โกคุเดระขมวดคิ้วจะหันไปถามถึงความแปลกๆ แต่เมื่อสะบัดข้อมือแล้ว
แก่ก แก่ก...
เสียงเศษนม (?) ที่เหลือเพียงก้นของกล่องดังราวกับจะหัวเราะเยาะให้กับความพลาดท่าของคนหัวเงินที่ถือนมกล่องนั้นมาไว้ในมือเสียแล้ว
ฮิบาริ เคียวยะมองคนที่ยืนหยุดนิ่ง แต่มือบีบกล่องกระดาษจนยับย่นไม่เหลือซาก ไหล่หนาภายใต้เสื้อคลุมสีดำไหวไปมาเบาๆ ใบหน้าและดวงตายังราบเรียบไม่บอกอารมณ์เหมือนเคย
แต่สำหรับโกคุเดระ ฮายาโตะ นักเรียนม.ปลาย โรงเรียนนามิโมริ สภาพกำลังยืนถือกล่องนมที่มีเพียงเศษเสี้ยววิญญาณของนม อารมณ์ ไม่สามารถบรรยายได้
เขาเห็น...ไอ้รอยยิ้มสะใจของไอ้บ้าฮิบารินั่น เขาเห็นชัดเจน... !!
ไม่แน่ใจ...กับท่าที
แต่รู้ว่ามีความหมาย (?)
แต่รู้ว่ามีความหมาย (?)
“โอ้ โกคุเดระ” เสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มสดใสปรีเปรมของยามาโมโตะ พาให้คนโดนทักถอนหายใจอย่างเนือยๆ แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ของตัวเองอย่างเซ็งชีวิต
นอกจากตอนเช้าจะตื่นสายกว่าปกติแล้ว ยังจะได้กินแค่ขนมปังแผ่นเดียวอีก
“วันนี้มาสายนะเนี่ย...” ยามาโมโตะผู้เริงร่าเดินยิ้มเข้ามาคุยกับเพื่อนที่ไม่ได้มีท่าทางเริงร่าต้อนรับเช้าวันใหม่เอาเสียเลย
ร่างบางมองนาฬิกาข้อมือ แล้วกลับไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามตัวเอง...ไอ้นี่มันพูดจริงหรือกวนประสาทวะ ปกติแล้วเขาไม่เคยมาก่อนเวลานี้ด้วยซ้ำไป...หมายถึง...ช่วงก่อนหน้านี้น่ะ
“แต่ว่าไปช่วงนี้นายก็มาเช้านะ เกิดไรขึ้นเหรอ?” สีหน้าไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นฉาบบนใบหน้าของนักกีฬาหนุ่มอย่างเต็มที่ พาลให้คนเซ็งชีวิตหงุดหงิดเอาได้ง่ายขึ้น
เขามาเช้าเหรอ...เฮอะ
ไม่ได้เป็นเพราะใครหรอกน่า
เท้าเล็กใต้รองเท้าถีบขาโต๊ะอย่างหงุดหงิดเมื่อคนผมสั้นยังพยายามจะชวนคุยสัพเพเหระที่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะคุยสุดๆ เขาไม่เข้าใจเลยว่าชีวิตของยามาโมโตะไปกอบโกยไอ้ความอารมณ์ดีกับรอยยิ้มที่มีจนล้นหลามนั่นมาจากไหน...ผิดกับอีกคน
ครึ่ก
กล่องนมสีขาวเลื่อนออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ
ได้พบกัน อยู่ทุกวัน
แต่ฉันไม่เคยมั่นใจ
แต่ฉันไม่เคยมั่นใจ
“อะ สวัสดีครับคุณเคียว” รองประธานหนุ่ม (?) ในทรงผมรีเจนท์อันเป็นตำนาน เปิดประตูห้องรับแขกแล้วชะงักเมื่อเห็นผู้เป็นหัวหน้านั่งอยู่เบื้องหลังโต๊ะทำงานแล้ว
คุซาคาบะเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าวันนี้ท่านประธานของเขาดูเหมือนจะอารมณ์ดีกว่าวันปกติเล็กน้อย...เท่าที่สัมผัสได้แค่เล๊กกกกน้อยน่ะนะ แต่นั่นแหละมันคือเรื่องที่น่าประหลาดใจแห่งยุคเชียวนะ !
ฮิบาริหลังกองเอกสารเงยหน้าขึ้นมามองลูกน้องที่เดินถือซองเอกสารเล็กๆ เข้ามา ก่อนจะก้มหน้าอ่านแผ่นกระดาษตรงหน้าต่อ
“เอ่อ...คุณเคียวครับ นี่เป็นเอกสารจากกระทรวง เรื่องนักเรียนแลกเปลี่ยนครับ” ชายร่างหนาวางซองสีน้ำตาลลงบนโต๊ะของผู้คุมกฎแห่งนามิโมริ ตามปกติแล้วอาจารย์ก็จะเป็นผู้อนุมัติเหมือนโรงเรียนอื่น แต่ว่าก่อนที่เอกสารจะผ่านไปยังมือของอาจารย์ฝ่ายต่างๆ นั้น รายชื่อต้องถูกบันทึกเข้ากับคณะกรรมการฯ เสียก่อน
ฮิบาริพยักหน้ารับรู้กับการมาถึงของเอกสารนั้น
“ช่วงนี้คุณเคียวมาโรงเรียนช้ากว่าปกตินะครับ”
ไม่ทราบว่าสิ่งใดในสากลโลกดลใจให้คุซาคาเบะเอ่ยปากพูดกับผู้เป็นนายในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่เรื่องดินฟ้าอากาศก็ไม่เคยพูดถึงกันมาก่อน...และก่อนที่คุซาคาเบะจะได้รู้ตัวว่าช่วงนี้ควรไปทำบุญสะเดาะเคราะห์เพราะโดนสิ่งชั่วร้ายเข้าครอบงำสมองส่วนการพูด สายตาที่ดูเหมือนจะ ‘อารมณ์ดี’ ในความรู้สึกของคุซาคาเบะกลับทิ่มแทงร่างหนาจนแทบจะทะลุไปกองกับพื้น
“ข...ข...ผมขอตัวออกไป...ตรวจที่ประตูก่อน...นะครับ” เหมือนลิ้นมันจะจุกคอเสียดื้อๆ โชคดีที่คุซาคาเบะไหวตัวทัน สามารถพลิกสถานการณ์ให้เป็นไปอย่างราบรื่นอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด (เหรอวะ?)
สองขายาวก้าวฉับๆ ออกไปโดยไม่ต้องรอคำอนุญาตจากอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว ถึงจะไม่อนุญาตเขาก็จะไม่ทนอยู่ในห้องที่เหมือนมีธนูมาเสียบตามตัวเขาแบบนี้หรอก ให้ตายเถอะ
หรือเขาจะมองผิดไป...ความอารมณ์ดีแห่งยุคน่ะ มันหมดสิ้นไปแล้วสินะ
ชายร่างหนาเดินออกจากประตูไปด้วยบรรยากาศมาคุติดตัว เจ้าพลาดแล้ว คุซาคาเบะ เท็ตสึยะ
ฮิบาริมองแผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลออกไปของผู้เป็นลูกน้อง
เขาไม่ได้มาโรงเรียนช้าเสียหน่อย...แต่เพราะคนบางคนมันมาสายกว่า...ต่างหากล่ะ
ร่างโปร่งเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ นึกถึงใบหน้าบูดเบี้ยวที่เต็มไปด้วยความโมโหของคนผมเงินแล้วมันอดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะออกมา เรื่องเมื่อเช้าเขาไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอีกฝ่ายเลย แต่ก็...นะ
มือยาวเอื้อมหยิบเอกสารที่คุซาคาเบะวางทิ้งไว้ใน เปิดผนึกที่ปิดซองออก แล้วดึงกระดาษแผ่นสีขาวที่อยู่ข้างในนั้นออกมา อักษรคันจิตัวใหญ่ที่เขาคุ้นเคยดีปรากฏ ภาพถ่ายที่แนบคู่มาด้วยยิ่งสร้างความชัดเจน
ฮิบาริทิ้งเอกสารแผ่นนั้นลงบนโต๊ะทำงานอย่างไม่ใยดี
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“เฮ้...โกคุเดร๊าาาาา~” เสียงตะโกนมาแต่ไกล พาให้ร่างเล็กต้องหันรีหันขวางหาต้นเหตุของเสียง ที่มันดังลอดผ่านลูกกรงของสนามกีฬา พร้อมกับนักกีฬาตัวสูงที่โบกไม้โบกมืออย่างเอาเป็นเอาตาย “ยังไม่กลับเหรอ?”
โกคุเดระย่นคิ้วกับคำถาม ถ้าเขากลับไปแล้ว ไอ้คนที่ยืนหัวเงินตรงนี้มันใครกันล่ะ แต่เพื่อเป็นการรวบรัดตัดความ คนผมเงินเลือกที่จะตอบกลับไปสั้นๆ “เออ”
“ฉันกลับด้วยเอามั้ย?” อีกฝ่ายยังคงตะโกนถาม พาให้คนโดนถามทำหน้าย่นเพิ่มเข้าไปอีก...ไม่ได้ปรารถนาเลยเฟ่ยยย
คนตัวเล็กพลิกดูนาฬิกาข้อมือ “ไม่ต้องเว้ย แกซ้อมบ้าๆ บอๆ ของแกต่อไปเลย ฉันจะกลับแล้ว” ตะโกนตอบกลับไป แล้วเดินไปยังจุดหมายของตัวเองในตอนแรกก่อนที่จะโดนยามาโมโตะทักไว้ มือเล็กกระชับหนังสือเล่มหนาในมือ
นักกีฬาหนุ่มพยักหน้ารับคำตอบของเพื่อนอย่างงงๆ เข้าใจหรอกนะว่าจะกลับแล้ว...แต่ว่าทางที่โกคุเดระเดินไป มันคือทางตัวอาคารไม่ใช่หรือไง ? ตรงข้ามกับประตูโรงเรียนชัดๆ
...แล้วอะไรคือ ‘จะกลับแล้ว’ ?
ยามาโมโตะยิ้มออกมาเบาๆ เมื่อนึกได้ว่ามี ‘อะไร’ ที่อยู่ที่ตัวอาคารในเวลาเย็นๆ แบบนี้
“คุณเคียวครับ เอกสารที่คุณเคียวขอไว้มาแล้วนะครับ ส่วนอันนี้เป็นจดหมายร้องเรียนอะไรสักอย่างถึงคุณเคียว ผมเลยไม่ได้เปิดดูก่อน” คุซาคาเบะยื่นเอกสารอีกกองให้กับคนที่ครองตำแหน่งหัวหน้า ก่อนจะเหลียวมองออกไปข้างหน้าต่าง แล้วพบกับภาพแปลกประหลาด
...ในช่วงไม่กี่วัน...หรือสัปดาห์ที่ผ่านมา
“อะ...นั่นมันโกคุเดระ ฮายาโตะนี่ครับ”
ด้วยชื่อนั้น เรียกให้คนผมดำเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาเอกสารมาให้แล้วเคลื่อนตัวไปยังหน้าต่างของห้องรับแขก มองลอดผ่านกระจกบานใสไป...เรือนผมสีเงินที่ตกลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกจากการก้มหน้าอ่านหนังสือเล่มเก่าในมือ แผ่นหลังเล็กดูจดจ่อกับเนื้อหาในกระดาษเหล่านั้น
เป็นภาพที่แปลกตา แต่คุ้นเคยดี
“เท็ตสึ นายตรวจสอบความเรียบร้อยของอาคารเรียน แล้วถ้าจะกลับก็กลับไปได้ หนังสือพวกนี้ฉันจะมาดูพรุ่งนี้” เสียงเรียบสั่งการพลางลุกขึ้น เกี่ยวเสื้อคลุมที่พาดไว้บนเก้าอี้ขึ้นมาคลุมไหล่
“ครับ?”
“ฉันจะกลับแล้ว”
คำพูดนั้นพาให้คุซาคาเบะขมวดคิ้วนิดๆ การเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นนายในช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้เขาค่อนข้างงุนงง เพราะเมื่อก่อนนั้น ยากมากกับการที่ฮิบาริ เคียวยะจะกลับก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน และบางวันคนคนนั้นก็ยังจะนอนเอาที่โรงเรียนเสียดื้อๆ ด้วยซ้ำไป
“ได้ครับ คุณเคียว” คุซาคาเบะเรียนรู้ที่จะรับคำสั่งมากกว่าการตั้งคำถาม จากสายตาทิ่มแทงเมื่อตอนเช้า แม้ตอนนี้เขามีคำถามมากมายจะถามออกไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่การเป็นรองประธานกรรมการรักษาระเบียบ ก็สอนเขาว่า...ชีวิตคนเรามีค่านัก (!?)
ฮิบาริ เดินออกจากห้องรับแขกของตัวอาคารโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
คุซาคาเบะก้าวเท้าไปยังกรอบหน้าต่าง โกคุเดระ ฮายาโตะยังนั่งอ่านหนังสือท่าเดิม เด็กหนุ่มที่ซัดกับกรรมการรักษาระเบียบอย่างพอฟัดพอเหวี่ยง คนที่ดูเหมือนจะดึงดูดการต่อยตีมาเป็นประจำและก็เหมือนจะกำลังดึงดูดเจ้านายของเขาเสียด้วย
เฮ่อ...คงเป็นแม่เหล็กดูดการต่อยตีตัวแม่เลยสิน้า ~
ได้พบกัน อยู่ทุกวัน
แต่ฉันไม่เคยมั่นใจ
แต่ฉันไม่เคยมั่นใจ
เสียงเท้าที่แตะลงบนพื้น เรียกให้คนที่จดจ่อกับตัวหนังสือละสายตา แล้วเอี้ยวตัวกลับไปมอง ก่อนจะหันกลับมากราดสายตาผ่านหน้ากระดาษ จดจำเลขหน้า ค่อยปิดหนังสือเล่มนั้นลงแล้วยืดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
คนตัวสูงที่มีเสื้อนอกสีดำพาดบนบ่ามองคนที่กำลังลุกขึ้น
ร่างเล็กก้าวเดินออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พอๆ กับฝีเท้าที่ก้าวตามมาติดๆ กัน
จะต้องทำยังไง ก็ไม่รู้
ยังเฝ้ามองเธออยู่ ทุกคืนวัน
ยังเฝ้ามองเธออยู่ ทุกคืนวัน
เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามายังหน้าห้อง พาให้คนผมเงินที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูค่อยๆ แง้มประตูเปิดออกมา แล้วเหลือบสายตามองผ่านช่องว่างของบานไม้สีเข้ม เป็นร่างสูงโปร่งในเสื้อนอกสีดำเดินผ่านประตูนั้นด้วยฝีเท้ามั่นคง ก่อนแผ่นหลังนั้นจะค่อยๆ ลับหายไปกับมุมเลี้ยวของบันไดทางขึ้น-ลง
โกคุเดระ ฮายาโตะเม้มปากแน่นสนิทราวกับไม่ต้องการให้เกิดเสียงใดๆ มือเล็กที่จับคาที่ลูกบิดกำลังจะดึงมันเข้ามาให้ปิดสนิทเหมือนเดิม ทว่า...เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบากว่าเดิม แต่ไม่สามารถหลบจากโสตประสาทของคนหูดีอย่างโกคุเดระได้นั้น พาให้ร่างบางชะงักมือค้างเอาไว้
เขาเห็นฮิบาริเดินกลับมาจากทางบันไดด้วยเสียงที่เงียบกว่าเดิม...แล้วมาหยุดยืนที่หน้าห้องเขา
ตากลมมองภาพตรงหน้าแล้วย่นคิ้ว มือเล็กลากบานประตูที่แง้มออกให้ช่องว่างแคบลงกว่าเดิม ร่างสีดำนั้นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วถอนหายใจ ก่อนที่ดวงตาคมกริบคู่นั้นจะเลื่อนมาสบกับสายตาของคนหลังประตูอย่างพอดี
บ้าน่า...เจ้านั่นไม่รู้หรอกว่าเขาแอบมองอยู่
สองแขนยาวยกขึ้นกอดอก อิงแผ่นหลังเข้ากับระเบียง ใบหน้าเรียบเฉยอันไร้ความรู้สึกนั้นคล้ายจะกำลังยิ้มออกมาเบาๆ ในสายตาของคนที่ลอบสังเกตการณ์อยู่
อะไรฟระ ! เจ้าฮิบาริยิ้มอะไรของมัน
คนตัวเล็กบึ้งหน้าอย่างหงุดหงิดกับภาพที่ตัวเองสัมผัสได้ คิ้วเรียวมุ่นขมวด เสียงฮึดฮัดส่งออกมาจากลำคอเบาๆ มือเล็กที่กำลูกบิดเอาไว้เผลอผลักไสมันออกมาเบื้องหน้า และตัวเองก็เพิ่งทราบหลังจากที่ถลาออกมาจากบานประตูมาเผชิญหน้ากับร่างที่ทำหน้านิ่งในชุดสีดำมืด
ฮิบาริยืนกอดอก
“ยิ้มบ้าอะไรของแกนักวะ ไอ้เจ้านี่!” พูดเสียงดังใส่คนที่ยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรแม้แต่นิดเดียว
ฮิบาริไหวไหล่แล้วหัวเราะในลำคอเพียงเบาๆ และนั่นก็เพียงพอต่อการทำให้คนผมเงินรู้สึกอยากจะโวยวายใส่หน้าเสียเหลือเกิน และความรู้สึกนั้นก็ถูกทวีคูณด้วยคำพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ออกมาได้แล้วเหรอ โกคุเดระ ฮายาโตะ?”
เจ้าของชื่อร้อนหน้าผ่าว เท้าเล็กหันไปเขี่ยประตูห้องให้ปิดดังปัง ก่อนจะรีบล็อคกุญแจแล้วสับเท้าออกไปจากเบื้องหน้าของอีกฝ่ายให้รวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองเท้าก้าวสลับลงบันไดอย่างรวดเร็วจนร่างเล็กนึกอยากจะกระโจนลงไปข้างล่างให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
ไม่รู้ว่าอะไร...แต่ตอนนี้เพิ่งเข้าใจคำว่าแทบแทรกแผ่นดินหนี
ฮิบาริก้าวเท้าตามการเดินของเจ้าของห้องที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ รอยยิ้มจางแต้มไว้บนใบหน้าเรียบเฉย
ไม่แน่ใจ กับท่าที
แต่รู้ว่ามีความหมาย
แต่รู้ว่ามีความหมาย
“สวัสดีครับ คุณเคียว” คุซาคาเบะเอ่ยต้อนรับผู้เป็นนายที่เดินเข้ารั้วโรงเรียนมาด้วยท่าทางสงบนิ่ง ในขณะที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที เขาเห็นร่างฟึดฟัดของโกคุเดระ ฮายาโตะเดินเข้ามา
เหมือนกับโลกหมุนผิดด้าน...
วันที่นักเรียนต่างชาติผมเงินคนนั้นจะมาก่อนประธานกรรมการฯ นี่มันเป็นเรื่องที่หายากจริงๆ นะ
“เท็ตสึ สงสัยอะไรรึไง?” เสียงนิ่งเรียบเอ่ยถาม พาให้เจ้าของชื่อใจหายวูบก่อนจะปรับสีหน้าและความคิดให้มาเป็นปกติ มือหนาใหญ่โบกปฏิเสธ ก่อนจะก้มหน้าเอ่ยคำขอโทษที่ผู้เป็นนายไม่ได้ใส่ใจนัก
ฮิบาริเหลือบตามองศีรษะที่ก้มลงมองพื้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วก้าวเท้าเดินต่อ
คุซาคาเบะเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังที่ถูกเสื้อนอกสีดำคลุมทับเอาไว้ ถ้าเป็นปกติแล้วเขาคงโดนฟาดไปแล้ว ไม่มีคำถามว่าสงสัยอะไร หรือรอการปฏิเสธของเขาหรอก ร่างหนาถอนหายใจหนักๆ ออกมา ถึงจะสงสัยไปก็ไม่ได้มีประโยชน์และอย่าหวังว่าจะได้รับคำตอบใดๆ
เป็นลูกน้องคุณเคียวนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะครับ แหม่...
ฮิบาริ เคียวยะผ่อนปลายเท้าเมื่อเห็นร่างเพรียวในชุดเครื่องแบบที่ไม่เรียบร้อยนัก กำลังยืนหน้าหน้าให้หน้าต่าง ลมแผ่วยามเช้าพาให้เรือนผมนั้นปลิวสะบัดมาข้างหลัง แผ่นหลังที่มีเสื้อลู่ตามลมนั้นเรียกให้คนที่กำลังยืนมองเลิกคิ้วออกมา
มาทำอะไรถึงที่นี่ ?
ห้องรับแขกของโรงเรียนที่ถูกเปลี่ยนมาเป็นห้องของประธานกรรมการรักษาระเบียบไม่ได้อนุญาตให้สัตว์กินพืชงี่เง่าเข้ามา แต่เวลาแบบนี้พวกกรรมการรักษาระเบียบก็ไปอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน ไม่มีใครมาเฝ้าความเรียบร้อยของที่นี่
แน่นอน...ถึงมันจะอยากมาเฝ้า เขาก็ไม่อนุญาต
“ฮ....โกคุเดระ ฮายาโตะ” เสียงเรียกที่หลุดไปคำแรกชะงักไว้ แล้วเรียกด้วยชื่อเต็มแทน เสียงที่ไร้ความรู้สึกพาให้เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกแล้วหันขวับมาอย่างรวดเร็ว
มาตั้งแต่ตอนไหนฟระ !
ฮิบาริมองคนที่สะดุ้งแล้วหันขวับมา เรียวปากยกยิ้มเบาๆ แล้วให้มันจางหายไปอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาคมกวาดมองร่างตรงหน้าแล้วเห็นสิ่งที่มันดูผิดปกติที่อยู่ในมือของโกคุเดระ ฮายาโตะที่ทำหน้ายับ ราวกับคนอารมณ์ไม่ดี
“มาทำอะไร?”
เอ่ยถามเสียงนิ่ง แม้จะพอคาดเดาคำตอบบางอย่างได้ แต่...เขากลับไร้ความมั่นใจในคำตอบนั้นโดยสิ้นเชิง ร่างสูงแค่นหัวเราะกับความคิดของตัวเอง พาลให้โกคุเดระที่ยืนอยู่ยิ่งทำหน้ามู่ทู่เพราะนึกว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเราะเยาะตัวเอง
“ไม่ได้มาทำไรเฟ่ย...น่ารำคาญ”
โวยวายขึ้นมาแล้วลงส้นเท้าหนักๆ กับพื้นระเบียง คิ้วหนาเข้ารูปขมวดมุ่นแล้วเดินผ่านคนตัวสูงกว่าเล็กน้อยไปอย่างรวดเร็ว สองมือกำจนรูปทรงมันบิดเบี้ยว
คนผมดำระบายลมหายใจยาวๆ ออกมา ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปคว้าข้อมือเล็กให้เจ้าตัวหยุดชะงักอยู่กับที่
แต่ว่า...ฮิบาริน่าจะคิดผิด เพราะถึงแม้เขาจะคว้าแขนนั้นเอาไว้ได้ แต่ไอ้เจ้าหัวหงอกเงินนี่ไม่มีท่าทางว่าจะหยุดได้ง่ายๆ เลย สองเท้าในรองเท้ากีฬายังก้าวฉับๆ แม้อัตราเร็วจะลดลงก็ตาม พาให้คนที่คว้าขมวดคิ้วหงุดหงิดไปอีกคน
....แบบนี้มันน่าขย้ำให้ตาย !
“ฮายาโตะ !!” เสียงนิ่งเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงที่ดังขึ้นมาอีกระดับ คนหัวเงินขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์หยุดเดินแล้วพลิกตัวหันกลับมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อแรงเหวี่ยงบวกกับแรงดึง...
“ชะ...เฟ่ยยยยยยย !!!” คนผมเงินอุทานเสียงดังเมื่อตัวมันถลาเข้าไปหาคนที่ทำหน้ามาคุ สองเท้าจิกกับพื้นเพื่อหยุดการเคลื่อนที่ที่มิได้ปรารถนา มือข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถูกรั้งเอาไว้ยกขึ้นมาเพื่อเป็นการ์ดไม่ให้ต้องปะทะกับเจ้าหัวดำนั่นโดยตรง
แปะ...
กล่องนมสีขาวทรงประหลาดเพราะมันบิดเบี้ยวจากการบีบแน่นของโกคุเดระ ฮายาโตะ ประดับไว้บนใบหน้าของฮิบาริ เคียวยะที่ในเวลานี้แทบจะมีควันประหลาดพุ่งออกจากหัว
ปุ้ก...
แล้วมันก็ตกลงบนพื้น
ดวงตากลมสีเขียวกระพริบถี่ แหม่...ไอ้ความหงุดหงิดเมื่อกี๊มันหายไปไหนหมดน้า ~
มือเล็กสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายด้วยแรงทั้งหมดที่มี กลับหลังหันพร้อมจะวิ่งหนีความโกรธตรงหน้า ตามปกติแล้วคนอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะไม่เคยวิ่งหนีศัตรู
แต่ฮิบาริ เคียวยะ...ไม่ใช่ศัตรู (มั้ง ??)
“จะไปไหน...” เสียงเย็นแช่แข็งขาที่กำลังจะออกวิ่ง ฮิบาริก้าวเข้ามาล็อคคอคนที่เริ่มทำหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะย่อเข่าลงไปเก็บกล่องนมสีขาวที่ร่วงอยู่บนพื้น ออกแรงลากร่างที่กำลังโวยวายลั่นตึกเข้าไปโยนแหมะไว้ในห้องนั่งเล่นของโรงเรียนนามิ
ได้พบกัน อยู่ทุกวัน
แต่ฉันไม่เคยมั่นใจ
แต่ฉันไม่เคยมั่นใจ
เสียงริงโทนดังขึ้นมารอบที่สิบ หากแต่ผู้เป็นเจ้าของได้แต่นั่งมองหน้าจอไปกระพริบอยู่เฉยๆ ในขณะที่อีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองเหยียดมาเมื่อเห็นชื่อผู้ที่โทร.เข้ามา
‘ไอ้บ้าเบสบอล’
โกคุเดระแทบอยากจะพุ่งเข้าไปรับสายแล้วตะโกนด่าไอ้คนในสายให้ได้ระบายอารมณ์สักสองสามยก แล้วกำชับว่าหยุดโทร.จิกได้แล้ว ที่บ้านเลี้ยงด้วยข้าวเปลือกหรือไง...
แต่ว่า...
“นายจะให้ฉันนั่งตรงนี้ทำบ้าอะไรว้า...” โวยวายออกมาเสียงเบา ใบหน้าฉาบไปด้วยความหงุดหงิดที่ผสมกับความงุนงง ตอนแรกนึกว่าจะถูกอัดจนเละ แต่ไอ้บ้าหัวดำนี่กลับลากให้เขามานั่งเฉยๆ แล้วมองมันเจาะนมกินอย่างสบายใจ
“ไม่รู้สินะ”
โกคุเดระนิ่วหน้ากับคำตอบที่ได้รับ ไม่ใช่คำตอบที่น่าพอใจเลยสักนิด ไอ้อารมณ์ที่เหมือนเด็กๆ ของไอ้บ้าข้างห้องเขานี่มันคืออะไรฟระ !
“ไอ้บ้า” สบถขึ้นมาเบาๆ แต่แน่นอนว่าตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน เพราะงั้นแม้จะโดนมองกลับด้วยสายตาเขียวปั้ด คนผมเงินมิได้สะทกสะท้านใดๆ ทั้งปวง “ถ้าแกไม่มีอะไร...ฉันไปนะ”
ลุกขึ้นแล้วคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา พร้อมกับที่เสียงแผดร้องมันดังขึ้นมาเป็นรอบที่สิบเอ็ด
ป๊าดดดดดดดดดด ! ไอ้บ้านี่ญาติทำอยู่ NTT docomo รึไง กลัวสายสัญญาณว่างนักรึไงฟระ !
มือเรียวดีดฝาพับให้เปิดขึ้นแล้วตบมันลงเหมือนเดิม ว่าไปแล้ว...แล้วเขาจะมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไมให้ยามาโมโตะมันจิกตั้งสิบสาย หากจะเดินออกไป แน่นอน ว่าต่อให้ต้องลงไม้ลงมือในยามเช้า มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับคนอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะอยู่แล้ว
“เดี๋ยว...” เสียงเรียกเหมือนคนไม่มั่นใจ ทำให้คนที่คิดสะระตะในหัวหยุดความคิดตัวเองแล้วมองกลับไปยังต้นเสียงอย่างงุนงง เขาคิดว่าเขาคงหูฝาด...ที่คิดไปเองว่าได้ยินเสียงแบบนั้นจากปากของเจ้าหัวดำนี่
“อะไร?”
ฮิบาริหรี่ตามองคนที่ลุกยืนขึ้น แล้วค่อยยืดตัวลุกขึ้นยืนตาม แต่ว่าตัวเองกลับเดินไปยังกระจกบานใหญ่ที่มองออกไปจะเห็นเกือบทุกอาณาบริเวณของโรงเรียนนามิโมริแห่งนี้
“เปล่า จะไปไหนก็ไป”
ออกปากไล่ ยิ่งพาให้คนฟังอยากจะถลาเข้าไปสกายคิกส์กันสักรอบ แต่เมื่อมองออกไปตามสายตาของร่างสูงกว่า เขาเห็น...เก้าอี้ยาวตัวหนึ่งข้างสนามหญ้า
โกคุเดระเผลอยกริมฝีปากขึ้น ก่อนจะก้าวเท้าออกไปจากห้องรับรองโดยมีแผ่นหลังสีดำอยู่ในสายตา
จะให้ทำยังไง
ก็ไม่รู้...
ก็ไม่รู้...
นักกีฬาหนุ่มหัวเราะร่าเริงใส่หน้าของคนที่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วม คอนทราสกันสุดๆ “นี่ พรุ่งนี้ให้ฉันไปรับมั้ย นายจะได้ไม่มาโรงเรียนสายอีก” ชักชวนด้วยความบริสุทธิ์ใจ (?) แหม...ก็วันนี้กว่าจะมาถึงห้องเรียนได้ เขาต้องโทร.ตามไม่รู้จักกี่สาย แถมไม่ยอมรับสักสายอีกด้วย
โกคุเดระกระดกยิ้ม ก่อนจะยกมือห้าม “ไม่ต้อง แกมาทางไหนแกก็ไปทางเดิม”
“อ้าว...งั้นเหรอ” เกาหัวแกรก ทำหน้าเสียดาย “งั้น วันนี้กลับพร้อมกันป่าว แวะบ้านฉันก็ได้นะ วันนี้พ่อทำซาชิมิด้วย” พ่อหนุ่มร่างหนาเร่งทำการตลาดตัวเองอย่างรวดเร็ว ทว่าการตลาดนั้นต้องล้มเหลวเนื่องจากผู้รับสารไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
“ไม่เฟร้ยยยย แกไปทางไหนก็ไปทางนั้นเลย” สองมือผลักไหล่ของคนที่ยังยิ้มแย้มอารมณ์ดี นี่มันไปสูบกัญชามาใช่มั้ย !!! เขาจะแจ้งตัดมันออกจากการเป็นนักกีฬาประจำโรงเรียนนนน !
ยามาโมโตะพยักหน้าเข้าใจก่อนจะบอกลาพร้อมยกมือบ๊ายบาย ที่ทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องโบกมืออย่างส่งๆ เพื่อไล่ให้ตัวกวนใจกลับไปเสียที
โกคุเดระเดินตรงไปยังม้านั่งตัวยาวที่เขานั่งอยู่เป็นประจำ ตัวเดียว...กับที่เขามองมันเมื่อเช้า พร้อมๆ กับสายตาของใครบางคน
หนังสือเล่มหน้าถูกเปิดหน้าที่เขาจำไว้ ตัวหนังสือสีดำจากหมึกพิมพ์ยาวเรียงลงมาอย่างเป็นระเบียบ มือเรียวขยับแว่นตาให้เข้าที่ก่อนจะกวาดสายตาอ่านเนื้อหามันต่อไป
เสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาพาให้คนที่เริ่มอ่านขมวดคิ้วแล้วปิดหนังสือโดนคั่นไว้ด้วยนิ้วมือ หันหน้าไปตามเสียงที่ได้ยิน ร่างในชุดยูนิฟอร์มถูกระเบียบตั้งแต่เช้าจรดเย็นกำลังหยุดอยู่ในสายตาของเขา
ร่างเล็กไหวไหล่
“ยังอ่านไม่ถึงไหนเลย”
พูดเปรยออกมาเบาๆ แล้วยัดหนังสือเข้าไปในกระเป๋านักเรียนเหมือนเดิม พร้อมถอดแว่นสายตาเก็บไว้ในกล่องแล้วยืดตัวลุกขึ้นมา
สายตาสีดำสนิทจ้องมองดวงตาคู่เขียว เจ้าของร่างที่ยืนนิ่งอยู่เช่นกัน ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายผละสายตายออกมาเอง
ยังเฝ้ามองเธออยู่...ทุกคืนวัน
ดูเหมือนมีอะไรอยู่ใน ดวงตาคู่นั้น
ดูเหมือนมีอะไรอยู่ใน ดวงตาคู่นั้น
สองเท้าก้าวเข้าไปลดระยะห่างระหว่างคนสองคน ก่อนที่ทั้งสองร่าง จะก้าวเดินไปในจังหวะเดียวกัน
บอกฉันให้รู้อยู่ทุกวัน
ว่าเธอมีใจอยู่เหมือนกัน
ว่าเธอมีใจอยู่เหมือนกัน
รึเปล่า ?
El Fin
สวัสดีค่ะ -_______________,-
ฟิคนี้จะกลายเป็นฟิคประจำปีด้วยความขี้เกียจของข้าพเจ้าเอง
ฟิคที่เขียนตั้งแต่ปีน้ำท่วม จนปัจจุบัน จะหมดปี 56 แล้ว เพิ่งได้มาแค่ 4 ตอน โอมายยย...
ก็...ขอฝากด้วยนะคะ :)
ใครอยากจะเม้นต์ที่ไหนก็ตามสะดวกเลยจ้า (เราเข้า exteen ยากมาก)
ก็ภาษาอาจจะดรอปลงไปฮวบๆ
แต่ตอนนี้ขอเวลาป้าฝึกเขียนหน่อยนะ ป้าแก่แล้ว หลงๆ ลืมๆ
ใครว่างๆ จุดไฟให้ป้าที... 5555
แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่ยังไม่ลืมเด็กตัวน้อยๆ คนนี้นะคะ ปิ๊งๆ :3
ปล. Track 5 ถ้า Forecast ไม่ผิดพลาด ปีหน้าชัวร์ค่ะ 55555555555555555555555555555555
//กว่าจะถึงเวลานั้น แม่ยก 1859 อย่าเพิ่งหมดโลกไปก่อนนะคะ พลีสสสสสสส ~~
คอมเม้นท์ไปแล้วในเอกซ์ทีน
ReplyDeleteแอบเห็นว่ามีบ้านใหม่ เลยย้ายมาทักทายในนี้บ้าง
สู้ ๆ นะคะ จะติดตามอยู่เรื่อย ๆ น๊า ^^
แอร้กกกกกกกกกกก เข้าexteenไม่ได้(เสียใจ ไม่ได้อ่านเม้นต์พี่ฟาร์ม ;A;) เม้นต์ในนี้แหละค่ะ ไม่ไหวแล้ว อ่านเสร็จต้องเม้นต์ ><
ReplyDeleteในที่สุดtrck4 ก็คลอด(track1 track2 โตกันไปหมดแล้วนะคะ แหม่ =3=//โดนต่อย ข้อหาดองโดได้นานพอกัน) คือซีรี่ย์นี้เป็นแนวที่ชอบมากกกกกกกกก ชีวิตในโรงเรียน ใสๆ ค่อยๆจีบ ค่อยๆตบตี(?)กันไปนี่แหละ ความเร็วของความสัมพันธ์กำลังน่ารักเลยค่ะ แอร๊ยยย >////<
ชอบที่ภายในแต่ละตอนแสดงถึงพัฒนาการ และความคงเส้นคงวา (ฟังดู paradox แฮะ =w=a)ในสถานการณ์เดียวกันตอนต้นตอน กับท้ายตอน มันทำให้ดูมีแก่นสาร(ใช้คำไม่ถูก 55 ) ดูมีแกนหลักของเรื่อง ท่านฮิเอา(กล่อง)นมให้ก๊ก รอไปโรงเรียนพร้อมก๊ก ก๊กเอานม(แปะหน้า)ให้ท่านฮิ ก๊กรอกลับพร้อมท่านฮิ แล้วที่ชอบที่สุดคือ 'ยิ้ม' //ละลาย >////<
จะบอกว่าการใช้ภาษาไม่สลวยเท่าเดิมก็ไม่ใช่ แค่เป็นทางการน้อยลง แล้วก็...ฮามากกกกกกก 55
เมาท์เนื้อเรื่องบ้างดีกว่า
คือตอนแรกคิดว่า...ทำไมท่านฮิใจดีผิดคาร์แรกเตอร์อย่างนั้นหละ....
พออ่านต่อเท่านั้นแหละ หัวเราะน้ำลายพุ่ง(อี๋!!)กันเลย กร๊ากกกกกกกกก
พี่ท่าน ทำไมถึงทำอะไรแบบนั้นด้วยสีหน้าตายด้านได้เนี่ย 5555555555555555
ฉากก๊กล้มหาท่านฮิตอนแรกนึกว่าจะหวานแหววลงไปคลุกวงใน(หา!?)กันบนพื้น ปากแตะกันนิดๆหน่อย ให้แม่ยกฉ่ำใจ แต่ที่ไหนได้ท่านฮิได้จูบนม(เห้ยย!!!)แทน ฮาXD
นึกสภาพแล้วไม่จืดเลยท่าน//โดนสายตาแทงทะลุร่างไปอีกคน
บางทีท่านฮิก็แค่อยากนั่งมองหน้าก๊กนานๆไงลูก(และอยากถามว่ารักเค้าอ๊ะเปล่า ตะเอง//โดนทอนฟ่าสอยดับอนาถหน้าแป้นพิมพ์) เรียนกันคนละชั้น นอนกันคนละห้อง(?) ก็เลยคิดถึง =///=
ส่วนลูกนั่งทำตัวสงบเสงี่ยมรอกลับบ้านพร้อมกันทุกวันนี่มัน....น่าร้ากกกกกกกกกกก <3
(ท่านฮิก็ไม่ค่อยเลยน้า เห็นปุ๊บวิ่งลงมาหาปั๊บเลย ><)
ก๊กก็ยังทำตัวเป็นเด็กได้น่าฟัดจริง แอบหลังประตูแบบนั้น ขำ
ท่านฮิก็ ก็ ก็ (นิยามไม่ถูกอ่ะ อย่างศัพท์พี่ฟาร์มต้องเรียกว่า ก๊าววใจ รึเปล่าเนี่ย 555) =///=
สงสารอิเนียนเบาๆ(ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่รู้สึกอะไร) ยังคงสงสัยเหมือนก๊กว่าเสพฝิ่นรึเปล่า 555
และสงสารคุซาคาเบะแรงๆ เกิดมาเป็นลูกน้องท่านฮิต้องอดทนนะ ทำตัวเหมือนหุ่นยนต์มีงานอะไรก็ทำไป=w=;; (แต่บางทีช่วยสะกิดให้พี่ท่านเห็นหัวใจตัวเองด้วยก็ดีนะเออ กิ้วๆ)
ปล. ตอนนี้ยาวได้ใจ ฟินค่ะ >/////<
ปล2. แต่ยาว และลงถี่กว่านี้ก็ดีนะคะ อย่ารอให้ถึงปีหน้าาา //โดนพี่ฟาร์ม's สกายคิกส์