14 June 2014

S.Fiction 1859 | Track 5 : ความลับ

Title: Life in Different Sound
Fandom: Katekyo Hitman Reborn ! (c) Amano Akira
Paring: 1859 (Hibari * Gokudera)
Rating: PG13
Author: Devilz79


----------------  T r a c k   5   :  ค ว า ม ลั บ   ----------------





อากาศร้อน...


แม้จะค่อนข้างร้อนอบอ้าวและเหนียวตัวปานกลาง แต่สำหรับโกคุเดระ ฮายาโตะแล้ว รู้สึกว่ามันดีกว่าหน้าฝนมาก ร่างเล็กในชุดลำลองสบายๆ นอนเอนตัวลงบนเตียงพับที่ตัวเองอุตส่าห์ลากมันเอาออกมาอยู่นอกระเบียง


ไม่แน่ใจว่าตั้งแต่เมื่อไร


ดวงตากลมภายใต้กรอบแว่นบางกวาดอ่านตัวหนังสือต่างประเทศที่เรียงเป็นพรืดอย่างสบายๆ มือเรียวพลิกเปลี่ยนหน้าหนังสือเล่มบางในมือเมื่อสายตากวาดลงมาสิ้นสุดหน้ากระดาษแผ่นนั้น


ชั่วขณะของการพักสายตา


มีร่างโปร่งในชุดยูคาตะสีเข้ม อันไม่เข้ากับบรรยากาศของอพาร์ตเมนต์แบบสมัยใหม่สุดๆ กำลังนอนอ่านหนังสือเล่มหนาที่มีการเย็บเล่มแบบญี่ปุ่นจ๋าไม่ต่างจากเจ้าตัวคนอ่านเลยสักนิด


คนผมเงินพิจารณาร่างนั้นแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ แต่นั่นก็พาให้สายตาคมกริบนั่นจ้องกลับมาอย่างรวดเร็ว โกคุเดระไหวไหล่ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือในมือต่อไป เขาขี้เกียจจะต้องมานั่งเล่นสงครามประสาท ที่สุดท้ายตัวเขาเองก็จะทำให้มันกลายเป็นสงครามน้ำลาย (ของเขาฝ่ายเดียว เพราะอีกฝ่ายกว่าจะเปิดปากพูดแต่ละที...ดอกพิกุลทองจะร่วงเหรอ?)


แต่ยังไม่ทันที่จะได้อ่านหน้าต่อไปตามที่คิดเอาไว้ เสียงแผดร้องของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา หน้าจอแสดงชื่อที่ไม่ได้พึงปรารถนาในวันหยุดแบบนี้


‘ไอ้บ้าเบสบอล’


โกคุเดระกลอกตาก่อนจะรับสายที่ดูท่าทีว่าจะไม่หยุดแหกปากได้ง่ายๆ “เออ” ทักทายคู่สนทนาด้วยมารยาทผู้ดีที่ถูกสั่งสมตั้งแต่สมัยอยู่ที่อิตาลี่ (?)


“โกคุเดระ วันนี้นายอยู่ห้องรึเปล่า ฉันจะไปหา” เสียงร่าเริงอารมณ์ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องจู่โจมเข้ามา พาให้คนฟังอยู่แทบตีหน้ามึน...มันจะมาทำไมมม ใครจุดธูปเรียกไม่ทราบ...ชิ


ร่างเล็กถอนหายใจพรืดแล้วเอนตัวลงไปมองนาฬิกาที่อยู่ภายในตัวห้อง “แล้วแกไม่ซ้อมเบสบอลรึไง ว่างนักเหรอ?” ตอบเสียงนิ่งกลับไป เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาสีดำที่จ้องข้ามระเบียงมา


เสียงหัวเราะร่าจากปลายสายดังขึ้นมา บางที...เขาอาจจะต้องพายามาโมโตะไปตรวจหาสารกระตุ้นประสาทบ้างแล้วล่ะ “นายงอนฉันเหรอเนี่ย ว้า...” คำพูดที่ดังถัดจากเสียงหัวเราะนั้นแทบพาให้คู่สายถึงกับกลอกตาขึ้นฟ้า แล้วหักห้ามใจตัวเองไม่ให้บีบโทรศัพท์ให้เละคามือ


...เก็บมือไปบีบคอไอ้คนพูดดูจะคุ้มกว่า
ปั๊ดธ่อออออออ !!!


“วันนี้ชมรมหยุดน่ะ ฉันก็ว่างๆ เลยว่าจะไปหานายที่ห้อง” เมื่อยามาโมโตะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ลอยข้ามผ่านเสาสัญญาณ เลยเลือกที่จะตอบคำถามที่อีกฝ่ายได้ถามเอาไว้จะดีกว่า


โกคุเดระขมวดคิ้ว...ว่างนักไม่ไปช่วยพ่อขายซูชิฟระ แม้จะอยากตอบไปอย่างนี้ แต่ด้วยมารยาทที่ดีคนผมเงินจึงทำแค่แค่นหัวเราะ “ไม่ต้องมา ไม่ต้องโผล่หน้ามาเลย แกอยู่ไหนก็สถิตไปที่นั่น ฉันไม่ว่าง” นี่เป็นคำพูดที่รักษาน้ำใจอย่างสุดๆ แล้ว


หากยามาโมโตะเป็นสาวน้อยละก็...คงบ่อน้ำตาแตกเพราะโดนปฏิเสธรักอย่างไร้เยื่อใย (?)


แต่เพราะยามาโมโตะคือเด็กหนุ่มผู้อารมณ์ดีแห่งยุค จึงมีแต่เสียงหัวเราะฮ่าๆ ลอยมาตามสาย พาให้โกคุเดระอยากจะประสาทเสียเสียตรงนั้น “แล้วนายจะไปไหนอ่ะ ให้ฉันไปด้วยปะ?”


โกคุเดระถอนหายใจออกมาเสียงดัง ก่อนจะยืดตัวลุกขึ้นแล้ววางหนังสือลงบนเตียงพับ “ไม่ต้องการเฟ่ย แล้ววันนี้ฉันก็ไม่ว่าง” ร่างเล็กเอ่ยสถานที่อย่างส่งเดช แต่ก็....ไม่รู้ทำไมว่าท้ายประโยคจะต้องทำเสียงให้มันดังขึ้นมา


ราวกับจะเรียกร้องความสนใจจากใครบางคน


“แหม...มีเดทก็ไม่ต้องเขินหรอก เดทให้สนุกนะ ฉันไม่กวนแล้ว” เอ่ยคำอวยพร (ที่คนฟังไม่ได้ต้องการ) แล้วยังตามด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงอารมณ์ดีที่พูดเองเออเอง ที่พาให้คนฟังอยากจะร้อง ห๊ะ ออกไปกับความคิดของอีกฝ่าย เสียงสัญญาณบอกว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว โกคุเดระจึงพับโทรศัพท์เก็บ


สายตาสีมรกตเหลือบมองระเบียงฝั่งตรงข้าม
...ว่างเปล่า


คนที่เคยนอนอยู่ตรงนั้น หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้


โกคุเดระส่ายหน้าไปมา เอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่ลืมคั่นหน้าเอาไว้และเขาก็ไม่ได้จำเลขหน้าด้วย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างนึกโทษไอ้สายโทรศัพท์ที่มันเข้ามาอย่างน่าหงุดหงิด


เสียงจิ๊จ๊ะออกจากลำคอเหมือนไม่ได้ดั่งใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วเตรียมตัวอาบน้ำออกไปข้างนอก ในเมื่อไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เขาอ่านหนังสือแล้ว แล้วเขาจะเก็บตัวอยู่ในห้องทำไมกัน...







ร่างเล็กในเสื้อแขนยาวสีขาวตัวบางกับกางเกงยีนส์สีดำเข้ม ยกมือขึ้นสูงเพื่อหยิบหนังสือเล่มหนา ที่ชื่อเรื่องดึงดูดความสนใจ ไอ้ความเป็นจริงเขาไม่ได้อยากจะมาข้างนอกนักหรอก ถ้าไม่ติดว่าหนังสือเล่มที่อ่านอยู่มันกำลังจะจบแล้วเขาก็ไม่มีอะไรอ่าน


ดังนั้น ไอ้คำอ้างที่พูดไปกับยามาโมโตะก็เป็นจริงขึ้นมา...เขามาสถิตตัวเองอยู่ในร้านหนังสือจนได้


โกคุเดระใช้นิ้วเขี่ยสันหนังสือให้มันตกลงมาตามแรงโน้มถ่วง เนื่องด้วยชั้นหนังสือมันสูงเกินไป...เขาไม่ได้เตี้ยหรอกนะ แต่หนังสือเล่มนี้มันดันวางอยู่ชั้นบนน่ะสิ !


ปลายเท้าที่เขย่งขึ้นพาให้ระดับสายตาเคลื่อนสูงขึ้นไป โดยไม่ได้ตั้งใจดวงตากลมสีเขียวเข้มมองลอดช่องว่างระหว่างชั้นหนังสือ เรือนผมสีดำที่เห็นเป็นพุ่มๆ (?) อยู่ในระดับสายตานั้นพาให้คนตัวเล็กมุ่นคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย แม้จะไม่ชัดเจน แต่เขารู้สึกว่าไอ้หัวนั้นมันคุ้นเคย...


ปุ้ก !


เสียงหนังสือเล่มหนาที่ร่วงลงกับพื้นพาให้คนที่แอบมองคนอื่นอยู่สะดุ้งแล้วรีบก้มลงมองของที่อยู่บนพื้น ก่อนจะเก็บมันขึ้นมาแต่โดยเร็ว แล้วถือมันออกไปยังตู้หนังสืออีกฝั่งที่เขาเห็น (หัว) ใครบางคนอยู่




มอง มองเธอมาแสนนาน
ฉันไม่กล้า...ต้องคอยหลบตาเธอเสมอ




โกคุเดระพิงหลังเข้ากับโซฟาตัวนุ่มของร้านกาแฟที่ครุไปด้วยกลิ่นไอของกาแฟ...มันฉุน เขาไม่ชอบ แต่จะทำยังไงได้ มันเป็นร้านกาแฟของร้านหนังสือนี่หว่า แล้วก็...ไม่ได้อยากเข้ามาเองด้วย


ไอ้ตัวต้นเหตุมันคือเจ้าหัวดำที่กำลังพลิกหน้ากระดาษที่นวลอยู่ต่างหากเล่า


มือเล็กหยิบโกโก้เย็นที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดูด แล้วมองกรอบหน้าคมที่กำลังสนใจอยู่กับหนังสือในมืออยู่ไม่ห่าง ซึ่งมันก็ไม่แปลกหรอก เพราะเขาก็นึกบทสนทนาอะไรไม่ออกเช่นกัน ไม่ได้ช่างเจรจาเหมือนไอ้บ้าเบสบอลที่อยู่เฉยๆ ก็สรรหาเรื่องมาคุยได้ตลอดเวลา


คนผมเงินหยิบหนังสือเล่มหนาที่ห่อปกสีน้ำตาลออกจากถุงกระดาษ ก่อนจะเปิดหน้าแรกที่มีตัวหนังสือสีดำเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เสียงอ๊ะร้องขึ้นมา แล้วหนังสือเล่มนั้นถูกปิดลง พาให้คนทีอ่านอยู่ก่อนเลิกคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมามองว่าคนที่นั่งตรงข้ามกำลังจะทำอะไร


แต่สิ่งที่โกคุเดระทำนั้น พาให้คนที่จ้องมองแค่นหัวเราะออกมา...เมื่อเจ้าหัวเงินตรงหน้ากำลังควักแว่นสายตากรอบดำขึ้นมาสวมเข้ากับใบหน้า เรียวหน้าได้รูปถูกกรอบแว่นบังให้หน้าตาดูแปลกไปเพียงเล็กน้อย ดวงตาสีเขียวใต้เลนส์ใสจดจ้องตัวหนังสือในมืออีกครั้งอย่างเป็นประกาย ราวกับเด็กน้อยที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ ริมฝีปากที่มักจะมุ่ยหรือชอบเอะอะโวยวายเป็นนิจ กำลังเม้มเข้าหากันด้วยความตั้งใจ รอยยิ้มจางๆ ปรากฏอยู่ที่สองแก้มโดยเจ้าตัวไม่ทันได้รู้ตัว


ฮิบาริเอง...ก็ไม่รู้ตัว


ตาสีเข้มไล่มองกรอบหน้าที่จดจ้องกับหนังสือในมืออย่างขะมักเขม้น ดวงตาสีเขียวที่บอกว่าไม่ใช่คนญี่ปุ่น กับผิวสีขาวสว่าง สองพวงแก้มเป็นสีแดงเรื่อจากไอแดดยามกลางวัน แม้ในห้องนี้จะเป็นห้องแอร์ แต่ด้วยอุณหภูมิที่ตั้งเอาไว้ให้ไม่เย็นจนเกินไป ประกอบกับอุณหภูมิภายนอกแล้ว หากไม่ใช่คนที่ขี้หนาวก็อาจจะร้อนอยู่บ้าง


เรือนผมสีสว่างเป็นประกายในแสงแดด มันระลงมาปรกใบหน้าที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเสยขึ้นไปเพื่อกำจัดความรำคาญในการอ่านหนังสือ แล้วมือเล็กนั่นก็ผละจากการจับหน้ากระดาษไปล้วงอะไรสักอย่างในกระเป๋าออกมา โดยที่สายตายังจับจ้องอยู่กับบรรทัดที่วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ


อะไรจะตั้งใจอ่านขนาดนั้น ?


เมื่อได้สิ่งที่ประสงค์ โกคุเดระยอมละสายตาออกจากหน้ากระดาษ แล้วเลยขึ้นมามองคนที่อยู่ตรงหน้า หากแต่ก็พาลจะทำให้ลมหายใจชะงักไปเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมา


...จ...จะกินเขาหรือไง !?


“มองอะไรฟระ...” เสียงห้วนเอ่ยถาม หน้าร้อนผ่าวอาจจะเพราะหน้าร้อนกำลังเดินทางมาถึงแล้ว มือเล็กที่มียางวงสีอ่อนรู้สึกเกะกะขึ้นมาทันที ไม่ทราบว่าจะเอามือไปไว้ตรงไหนของร่างกาย


คนผมเข้มระบายลมหายใจสั้นๆ ออกมา “เปล่า...” ตอบปฏิเสธไป พาลให้เรียวปากของคนที่นั่งตรงข้ามมุ่ยลง


“เปล่าอะไรฟระ...มองหน้ากันจะหาเรื่องกันรึไง?” บ่นเสียงอุบ ก็ทำไมเล่า ! เมื่อกี๊เห็นชัดๆ ว่าเจ้านี่มันมองเขาอยู่ ถ้ามีเลเซอร์สแกนม่านตา ป่านนี้ไอ้คนตรงหน้าเขาตายไปแล้วมั้ง


ดวงตาคมกลอกเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลงอ่านหนังสือในมือของตัวเองต่อ การเถียงกับคนตรงหน้ามันไม่ใช่ทางออกที่ดี ยิ่งตอนนี้เขาไม่อยากจะเถียง


โกคุเดระมุ่ยปากอย่างขัดใจกับการตัดบทของอีกฝ่าย แม้จะเริ่มชินบ้าง แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังน่าหมั่นไส้อย่างมีนัยสำคัญ


มือเรียวยกยางวงสีอ่อนขึ้นมัดผมด้านหน้าที่มันลงมาระดวงตาจนน่ารำคาญ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือในมือตัวเองต่อ รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นตรงริมฝีปากเมื่อเริ่มอ่านหนังสือเล่มใหม่ ก่อนเจ้าตัวจะจมดิ่งลงไปในกระดาษเปื้อนหมึกเล่มโต


ฮิบาริเหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ถูกคั่นไว้ด้วยแก้วชาร้อนและโกโก้เย็น ตัวหนังสือตรงหน้าไม่อาจเรียกให้สายตาคู่เรียวคมกลับไปมองได้




กลัว ว่าวันนึงถ้าเธอ...รู้ว่าฉัน
ปิดบังความจริงอะไรเอาไว้




โกคุเดระ ฮายาโตะยกมือขึ้นขยี้ผมด้านหน้าที่มันชี้ไม่เป็นทรงจากการโดนหนังยางรัด ในขณะที่ดวงตากลมกลอกไปมาอย่างรู้สึกอิดหนาระอาใจกับเสียงหัวเราะบ้าบอที่ดังอยู่ข้างหู


ไม่รู้ใครจุดธูปเชิญมา


ยามาโมโตะ ทาเคชิ นักกีฬาหนุ่มแห่งนามิโมริ ที่อยู่ๆ ก็ส่งเสียงทักทายพร้อมเดินเข้ามาภายในร้านหนังสือนี้ โบกไม้โบกมือเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนผมเงินที่กำลังเพ่งสมาธิอยู่ในหน้ากระดาษกลิ่นน้ำหมึก


โกคุเดระ ฮายาโตะเงยหน้ามองตามต้นเสียง แต่ทว่า ภาพตรงหน้ากลับดึงความสนใจไปเสียก่อน ภาพของฮิบาริ เคียวยะที่รวบของตรงหน้า ยัดมันลงถุงกระดาษสีน้ำตาลและลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว


ท่ามกลางความงุนงงของคนที่มองตามหลังไป
และ...คนที่กำลังเดินสวนกันเข้ามา


ยามาโมโตะที่ยิ้มร่าท้าลมแดด ถึงกับยิ้มค้างเมื่อคนที่เดินสวนไปอย่างรวดเร็วนั้น ไม่มีทีท่าจะสนใจต่อคำทักทายของเขาบ้างเลย ร่างสูงเกาหัวแกรกก่อนจะเดินเข้าไปยังโต๊ะที่มีคนผมเงินนั่งอยู่


โกคุเดระถอนหายใจพรืดอย่างไม่รู้ตัว


“ฉันคิดว่าจะเจอนายเดทอยู่กับสาวน้อยนะเนี่ย...” คำทักทายที่เอ่ยขึ้นมา พาให้คนฟังแทบจะสำลักตัวอักษรสีดำตรงหน้า...อะไรกันฟระ ใครบอกมันนนน ใครบอกว่าเขาจะมาเดท “เอ๋...แล้วผมนั่น อะไรกันน่ะ โกคุเดระ?”


รอยยิ้มกว้างจนปากแทบเป็นรูปสี่เหลี่ยม พาให้คนตัวเล็กยกมือจับหัวตัวเองแล้วนึกขึ้นได้ว่าผมหน้าที่มันเริ่มยาว มันมาระลูกตาให้น่ารำคาญ


แต่ตอนนี้...การเอาผมลง มันคงจะน่ารำคาญน้อยกว่า รอยยิ้มล้อเลียนของไอ้คนตรงหน้านี่สินะ


“เอ๋...?” เสียงหัวเราะที่หยุดไป แล้วแทนที่เสียงร้องอย่างงุนงง พาให้โกคุเดระมองตามร่างสูงที่ย้ายมวลสารจากข้างๆ เขาไปอยู่ในฝั่งตรงข้าม ที่เดียวกับที่ฮิบารินั่งอยู่เมื่อครู่


หนังสือเล่มเล็กที่ห่อหน้าปกด้วยกระดาษสีน้ำตาลอ่อน ถูกชูขึ้นมา “ไม่ใช่ของนายใช่มั้ย โกคุเดระ?” เอ่ยถาม ทั้งที่ก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าเป็นของใคร


เจ้าของชื่อหรี่ตามองก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมาจากยามาโมโตะ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังครุ่นคิดก่อนจะผุดตัวลุกขึ้น รวบหนังสือบนโต๊ะเข้าไปในถุง


“ฉันไปก่อนนะ”


ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนที่เพิ่งทิ้งตัวนั่งเบิกตากว้างอย่างเหรอหราด้วยความงุนงง เดี๋ยวนะ...นี่จะไม่สร้างความกระจ่างให้กับเขาเลยเหรอ แต่นั่น...มันก็ไม่สร้างความสงสัยมากเท่ากับ ไอ้น้ำสองแก้วที่วางบนโต๊ะเนี่ย จ่ายเงินหรือยัง ?







อากาศร้อน


ร้อนจนโกคุเดระอยากจะพ่นไฟเผาไอ้ประตูห้องตรงหน้าให้มันวอดวายไปซะ ไอ้บ้าเจ้าของห้องมันจะได้ออกมาเสียที นี่เขาเคาะจนมือแทบจะสิงอยู่ในประตูอยู่แล้ว เจ้าของห้องก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาเปิดประตูให้สักนิด


ปั๊ด-ธ่อ-ว้อยยยยยยย !


ร่างเล็กมุ่ยหน้าอย่างขัดใจ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยองๆ อยู่กับพื้น ทิ้งถุงกระดาษใส่หนังสือสีน้ำตาลวางลงกับมือ มีถืออยู่ในมือเพียงถุงเดียว...อันที่ไม่ใช่ของเขา


เขาไม่รู้ ไม่เข้าใจ และไม่ได้อยากจะสนใจด้วยว่าไอ้เจ้าบ้าหัวดำนี่มันเหตุผลอะไรที่อยู่ๆ อยากจะลุกออกไปจากโต๊ะก็ลุกไปซะงั้น ไม่ได้มีคำบอกก่อนว่าจะไปหรืออะไรเลย แต่ปัญหาคือ ทำไมจะต้องมาลืมของเอาไว้และลำบากให้เขาต้องเอามาให้อีก แถมเคาะประตูเรียกก็ยังไม่ยอมเปิด


ต้องให้จุดธูปเรียกดีมั้ย ? เขาพอจะรู้คาถาอยู่บ้างนะ


“เฮ้ย...” เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากข้างๆ พาให้คนที่นั่งอยู่เหลือบตาขึ้นมามองแล้วสะบัดหน้าหนีด้วยความหงุดหงิด แหม แค่คิดว่าจะจุดธูปเรียกก็โผล่มาเลยเหรอ


น่าจะจุดเรียกซะตั้งนานแล้ว
หือ...?


แล้วทำไมมันถึงมาปรากฏตัวอยู่ข้างๆ เขาแบบนี้ละเฟ่ยยยยย !?


“นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ย?” ฮิบาริขมวดคิ้วเข้าหากัน กอดอกมองคนที่นั่งจ๋องอยู่หน้าห้องของเขา ทำหน้าตาไม่เป็นมิตรต่อประตูห้องของเขาซะขนาดนั้น


“ท...ทำไมนาย?” โกคุเดระ ฮายาโตะที่กำลังสะพรึง มโนไปไกลแล้วว่าฮิบาริอาจจะไม่ใช่คน จริงๆ แล้วหมอนี่ตายคาห้องแต่ไม่รู้ตัวเลยยังไปโรงเรียนและตามมาหลอกหลอนเขาอยู่แบบนี้


ให้ตายสิ มิน่าทำไมห้องหมอนี่ถึงได้มืดและมีไอเย็นๆ อยู่ตลอดเวลา


ร่างเล็กถดตัวหนีคนที่เดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นเตรียมวิ่งหนี หากแต่มือหนากลับคว้าไหล่เล็กเอาไว้ในมือได้เสียก่อน ดวงตากลมสีเขียวหลับปี๋ ปากขยับพึมพำภาษาอะไรสักอย่างที่คนผมดำตรงหน้าไม่เข้าใจและไม่ได้อยากจะเข้าใจเลยสักนิดเดียว


“โอ๊ยยยยย !!!”


เสียงร้องดังออกมาเมื่อรู้สึกว่าหัวของตัวเองทิ่มลงด้วยแรงเคาะจากข้อนิ้วของมือที่จับไหล่เขาไว้แน่น ให้ตายเถอะ ผีฮิบารินี่มันฤทธิ์แรงจริงๆ สงสัยจะเป็นผีมานานถึงมีแรงเยอะขนาดนี้


“นี่ หยุดคิดอะไรงี่เง่าได้แล้ว” นิ้วเรียวยาวจิ้มลงบนหน้าผากเนียนของคนที่ไม่ยอมลืมตาขึ้นมามอง แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าคิดอะไรไม่เข้าท่าอยู่ในหัว “แล้วก็ตอบฉันมาว่านายมานั่งทำอะไรตรงนี้”


“ฉะ...ฉันไม่ได้งี่เง่านะเฟร้ยยย ! คนก็อยู่ส่วนคน ผีก็อยู่ส่วนผี นายไปเกิดใหม่ได้แล้วเฟ่ยยยยยย” โวยวายออกมาเสียงดังลั่น พาให้คนฟังถึงกับตัวสั่นด้วยความหงุดหงิดกับไอ้ความคิดพิลึกของคนตรงหน้าจนเริ่มอยากจะหยิบทอนฟาขึ้นมาฟาดปากให้ได้สติ


ฮิบาริถอนหายใจแล้วบีบแรงกับไหล่ที่เขาจับเพิ่มขึ้นอีก “แกอยากจะไปเกิดใหม่สินะ...โกคุเดระ ฮายาโตะ” 


“ม่ายยยย ! แกนั่นแหละที่ต้องไปเกิดใหม่ ฉันสัญญาเลย ว่าถ้านายปล่อยฉันไป ฉันจะแจ้งให้เจ้าของห้องมาทำพิธีให้นายใหม่ ฉันจะไปบอกคุซาคาเบะเองว่านายไม่อยู่แล้ว นายไม่ต้องห่วงเรื่องความสงบเรียบร้อยของนามิโมรินะ ฉันเชื่อว่าคุซาคาเบะทำได้อยู่แล้วล่ะ !”


ร่างสูงค่อยๆ คลายมือออกจากไหล่ที่เขาจับเอาไว้


เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ แง้มออกมา พร้อมกับรอยยิ้มแห้งของคนที่โล่งใจว่าสามารถเจรจากับอดีตมนุษย์ได้สำเร็จ แต่ก่อนที่โกคุเดระจะได้ระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ลำคอเล็กกลับโดนวงแขนใหญ่กว่ารัดเอาไว้อย่างรวดเร็วจนทำได้แต่ดิ้น ๆ ให้หลุดจากการรัดคอที่แสนจะน่าสะพรึงกลัว


ผีรัดคออออ !!


ฮิบาริอยากจะเอาหมัดอุดปากไอ้คนที่พูดจาออกมาไม่เป็นภาษา แต่เขากลับเลือกที่จะไม่สนใจเสียงร้องโวยวาย และเขาก็รู้ดีว่าจะไม่มีคนออกมามุงดูให้น่ารำคาญ


แน่นอน...ชั้นนี้มันเป็นของเขาทั้งชั้น


ร่างสูงโปร่งไขแม่กุญแจที่ล็อคห้องเอาไว้ ในขณะที่ไอ้ตัวแรงเยอะในวงแขนของเขาเริ่มจะสงบลง แล้วมีเสียง 'เห' เบาๆ ดังขึ้นทีข้างๆ หู


“ดะ...เดี๋ยวนะ” โกคุเดระพยายามละล่ำละลักเอ่ยคำพูดออกมา เพียงแต่ยังหอบอยู่กับการพยายามดิ้นให้หลุดและการร้องโวยวายเมื่อสักครู่ “น....นายไม่อยู่ห้องเหรอ?”


ฮิบาริเหลือบปลายสายตามามองคนที่ทำหน้างุนงง “หยุดโวยวายได้แล้วรึไง?”


“ก...ก็ฉันนึกว่านายอยู่ห้องนี่หว่า แล้วอยู่ๆ นายก็มายืนตรงข้างๆ อะไรวะ! ไม่อยู่ห้องแล้วทำไมไม่บอกเล่าา” เมื่อเงียบจากการโวยวายเรื่องหนึ่ง ก็เปลี่ยนมาเป็นโวยวายอีกเรื่องหนึ่งแทน


ปั๊ดโธ่...ข...เขาก็หลงนึกว่าไอ้บ้านี่ทะลุประตูออกมาได้ตั้งนาน
แต่ทำไมเขาถึงไม่สังเกตเห็นแม่กุญแจวะ


“ล...แล้วนาย ก็ปล่อยฉันได้แล้วเฟ่ยยยยย” ดิ้นตัวพยายามจะให้หลุดออกจากวงแขนที่ยังรัดคออยู่ไม่ยอมปล่อย


ฮิบาริมองคนตัวเล็กกว่าที่พยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ ใบหน้าขาวนวลมุ่ยราวกับเป็นเด็กน้อยที่โดนผู้ใหญ่แกล้ง ดวงตาสีเขียวแฝงไว้ด้วยความหงุดหงิด โมโห จนเกือบจะกลายเป็นความงอแงเล็กๆ


“ไม่”




ยิ่งฉันใกล้เธอ เท่าไร
ยิ่งอยากจะเผยใจ




โกคุเดระมองไปรอบๆ ตัวด้วยความแปลกใจ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาในห้องส่วนตัวของฮิบาริ เคียวยะ ห้องรับแขกของโรงเรียนที่เจ้าบ้านี่ยึดมาเป็นของตัวเองไม่นับเป็นห้องส่วนตัวหรอกนะ


มันแปลกตากว่าที่เขาคาดไว้ เขาคิดว่าห้องของฮิบาริจะต้องประกอบไปด้วยแต่วัตถุสีดำ ไม่แน่ใจว่าเคยเกิดเป็นราหูหรือยังไง แต่ภายในห้องกลับตกแต่งไว้ด้วยสีขาวสว่าง โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กสีขาวกับเบาะรองนั่งสีเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์แทบทุกชิ้นจะเป็นสีขาวที่มีสีดำแซมบ้าง แต่ห้องนี้ไม่ได้ดูมืดทึมเหมือนเจ้าของห้อง


แต่ที่น่าประหลาดใจมากกว่านั้นคือ แม้ห้องนี้จะดูทันสมัยแค่ไหน แต่ก็มีฉากกั้นห้องเอาไว้เป็นไม้แบบญี่ปุ่นเพียงแต่ใช้เป็นสีดำในการแยกโซนห้อง ซึ่งเขาเข้าใจว่าส่วนนั้นน่าจะเป็นห้องนอน


“ฉันไม่เคยให้ใครเข้าห้องมาก่อน”


เสียงเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมกับชุดน้ำชาร้อนที่ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก โกคุเดระหอบถุงหนังสือมากมายที่อยู่ในมือแล้วตามไปวางบนโต๊ะตัวนั้น


เขาคงพอนึกภาพออกหรอกนะ ถ้าคนอย่างฮิบาริจะชวนใครมาเที่ยวเล่นในห้อง ให้ตายเถอะ ใครมันจะอยากเข้ามา ความรู้สึกโดนล่อมาฆ่าชัดๆ


“ถ้านายยังไม่หยุดความคิดไร้สาระ ฉันจะขย้ำนายให้ตาย”


ฮิบาริว่าพลางรินน้ำชาใส่ถ้วยใบเล็กแล้วยื่นให้คนตรงหน้าที่กำลังแสดงละครทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้ใส่ แบบนี้นี่แหละ มันถึงน่าขย้ำให้ตาย


“นี่ นายลืมหนังสือไว้ที่ร้าน ฉันวางไว้ตรงนี้นะ” โกคุเดระชูถุงหนังสือสีน้ำตาลที่เขาอุตส่าห์หอบหิ้วมา ก่อนจะวางแยกกองจากหนังสือของตัวเอง


“ไม่ใช่หนังสือฉัน” ฮิบาริวางถ้วยน้ำชาลง เอ่ยปฏิเสธ พาให้คนที่เพิ่งจับหนังสือแยกออกไปย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


“ของนายสิฟระ ก็หยิบมาจากตรงที่นายนั่ง จะไม่เป็นของนายได้ไงฟระ” บ่นงึมงำก่อนจะหยิบถุงนั้นขึ้นมายืนยันให้คนที่นั่งตรงข้ามรับรู้ ว่าเขาหยิบมันมาจากเก้าอี้ฝั่งฮิบาริจริงๆ


ฮิบาริเอื้อมมือไปหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลจากมือโกคุเดระ ก่อนจะล้วงออกไปหยิบหนังสือเล่มเล็กที่อยู่ในนั้นออกมา “ของนาย...” แล้วยื่นตัวหนังสือออกไปให้คนผมเงินที่ทำหน้ามึนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หยิบเล่มนี้มา ของนายนั่นแหละ” ผลักหนังสือที่จ่อมาตรงหน้าให้คืนกลับคนที่เป็นเจ้าของ เขาเห็นนะ เล่มนี้ฮิบาริหยิบมันมาเองชัดๆ เขาไม่ได้หยิบซะหน่อย


คนผมดำหรี่ตามองคนตรงหน้าแล้วระบายลมหายใจออกมาช้าๆ “ฉัน...” ตาคมเหลือบมองลงบนโต๊ะเหมือนชั่งใจว่าควรพูดสิ่งทิ่คิดออกไปหรือไม่


“ฉันให้...”


โกคุเดระเบิกตากว้างกับคำที่ได้ยิน “ให้ฉันเนี่ยนะ...แต่มัน...” มันเป็นเล่มสุดท้ายของร้านและของโลกนี้ด้วยซ้ำไปแล้วมั้ง เพราะว่าเป็นหนังสือที่เลิกผลิตไปตั้งนานแล้ว เขาเห็นฮิบาริหยิบมันไปจ่ายเงินต่อหน้าต่อตา แทบอยากจะทรุดลงแล้วอ้อนวอนตรงนั้น


“เออ จะเอาหรือไม่เอา?” คนให้เริ่มหงุดหงิดขึ้นมากับท่าทางประหลาดใจของคนตรงหน้า


มือเล็กเอื้อมไปรับหนังสือเล่มเล็กขนาดเล็กประมาณฝ่ามือ ที่ถูกเย็บเลียนแบบหนังสือญี่ปุ่น ก่อนจะฉีกยิ้มโดยไม่รู้ตัว “ขอบใจ”


คนให้ลอบมองคนที่อมยิ้มกับหนังสือ เรือนผมสีเทาเงินลงมาคลอเคลียแก้ม ดวงตากลมจ้องหนังสือเป็นประกายค่อยๆ เปิดมันทีละหน้าอย่างเบามือราวกับว่ากลัวว่ากระดาษมันจะสลายไป กวาดตาผ่านตัวอักษรโบราณสีดำบนกระดาษสีชาอย่างคร่าวๆ แล้วพลิกไปหน้าถัดไปอย่างสำรวจ


ดวงตาสีนิลมองภาพตรงหน้าแล้วคลี่ยิ้มจางในสายตา


“...ฮายาโตะ”


“หือ?” เจ้าของชื่อเงยหน้ามองคนที่เรียกตัวเอง ก่อนจะนิ่งไปเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองกลับมา นี่...เขาทำอะไรผิดอีก ทำไมเจ้านี่มองเหมือนจะกินเขาอีกแล้ว ตั้งแต่ในร้านกาแฟแล้วนะเว่ยยย


ฮิบาริชะงักกับเสียงและสายตาที่ถูกจ้องกลับมา




ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไร ยิ่งอยากจะเผยใจ
เมื่อสบสายตา ก็ยิ่งหวั่นไหว




“ขอบใจสำหรับหนังสือนะ” โกคุเดระ ฮายาโตะพูดออกมาด้วยท่าทางนิ่งๆ ราวกับพยายามจะเก๊กฟอร์ม “นี่...ฉันให้นาย” แล้วยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลอีกถุงให้กับคนที่ออกมายืนอยู่หน้าห้อง


ฮิบาริเลิกคิ้วแล้วมองหน้าคนที่ยื่นให้ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่


“คือ...เออน่า อย่าให้ฉันพยายามอธิบายอะไรได้มั้ยฟระ” โกคุเดระคว้ามืออีกคนมาแล้วยัดถุงกระดาษสีน้ำตาลใส่ “...เอาไปแล้วก็รีบเข้าห้องได้แล้วเฟ่ยย” บ่นงึมงำในลำคอด้วยใบหน้ามู่ทู่เมื่อคนตรงหน้าทำหน้าเหมือนจะจ้องจับผิด


ฮิบาริรับถุงที่ใส่ของไว้ ก่อนจะมองตามแผ่นหลังของโกคุเดระในเสื้อสีขาวสะอาดที่ไปหยุดยืนหน้าห้องพลางไขกุญแจอย่างลำบาก ร่างเล็กเดินเข้าห้องไปเรียบร้อยแล้วพร้อมของพะรุงพะรังในมือ


คนที่ยังคงยืนอยู่ล้วงมือเข้าไปในถุงสีน้ำตาลที่เพิ่งได้รับมา แล้วหยิบของที่อยู่ข้างในออกมา


หนังสือปกสีชาซีด เย็บเล่มแบบหนังสือญี่ปุ่นโบราณ ไม่มีตัวอักษรใดๆ บ่งบอกชื่อเรื่อง ชื่อผู้แต่ง คิ้วเรียวขมวดด้วยความสงสัย ก่อนจะพลิกเพื่อเปิดหน้ากระดาษดู...ก็พบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีตัวอักษร ไม่มีหยดหมึก


สัมผัสถึงรอยยุบที่ปกหลังพาให้คนที่ถือวัตถุเล่มนั้นพลิกมันกลับอย่างรวดเร็ว


รอยปั๊มลึกเป็นอักษรคันจิสี่ตัวที่อยู่มุมล่างของปก พาให้คนที่ได้รับถอนหายใจออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่จางหายไปอย่างรวดเร็วที่มุมปาก แต่ในดวงตาสีเข้มยังคงมีรอยยิ้มเจือจาง


雲雀恭弥 


โกคุเดระพิงตัวอยู่กับบานประตูที่เพิ่งเข้ามา วางของลงกับพื้นอิงไว้กับผนังห้อง แล้วค่อยๆ แง้มบานประตูออกไปลอบมองคนข้างห้องที่ตอนนี้ยังไม่เข้าห้องไปอีก


ร่างเล็กเผลอกัดปากแน่นเมื่อเห็นร่างในชุดลำลองค่อยๆ หยิบของออกมาจากถุงสีน้ำตาล ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ แล้วก้มลงมองพื้น หนังสือที่ได้มาจากฮิบาริไหลออกมาจากถุงกระดาษที่ล้มลง




มันยากเหลือเกิน 
จะเก็บ...ซ่อนความลับเอาไว้




อากาศยังคงร้อน


โกคุเดระเปิดประตูระเบียงออกไปพร้อมลากพัดลมตั้งโต๊ะออกมาวางกับพื้น ก่อนจะต่อสายและเปิดมันด้วยระดับที่แรงที่สุด พร้อมหนังสือตั้งใหญ่ที่ลากมันออกมาวางอยู่ข้างเตียงพับ


ใบหน้าเรียวรับกับดวงตาสีเขียวหันไปมองระเบียงข้างๆ ที่มีร่างในชุดยูคาตะสีดำนอนอยู่พร้อมกับสมุดสีชาซีดในมือ และปากกาแบบพู่กันอยู่ในมืออีกข้าง


โกคุเดระเลิกคิ้วใส่สายตาที่เหลือบมามองราวกับการตั้งหัวข้อในการมีเรื่อง หากแต่เจ้าของสายตาคู่นั้นกลับเมินและไม่สนใจ พาให้คนที่ถูกเมินมุ่ยหน้าและทิ้งตัวลงบนเบาะของเตียงพับ กวาดมือหยิบหนังสือเล่มบนสุดขึ้นมาเปิดอ่าน


หนังสือเล่มเล็กที่ได้รับมา


พร้อมรอยยิ้มที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้น เรียกให้คนที่อยู่ระเบียงอีกฝั่งลดสมุดในมือลง
และมอง...





และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม
โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ



El Fin



ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฮิฮิ สวัสดีค่ะ -..-
เราเจอกันก่อนเดือนตุลาด้วยอ่ะ 555555555555



นี่เพิ่งจะเดือน 6 เองนะเนี่ย (ดีใจมาจากไหนคะ? มันใช่เรื่องน่าดีใจเหรอ 55555)
ปกติฟิคเรื่องนี้มันจะออกมาปีละครั้ง ;_____; เป็นงานวัดเลยเนาะ


จริงๆ คือช่วงนี้แอบว่างเล็กน้อยหลังจากที่ฝึกงานเสร็จและเคลียร์โปรเจคฝึกงานเสร็จ
ดีใจน้ำตาจะไหล ขอแชร์นะคะ 55555 โอเค เข้าเรื่องดีกว่า


มีความรู้สึกว่าตัวเองกลับไปเขียนฟิคใหม่ -*- ไม่เหมือนสมัยก่อนเอามากๆ
เหมือนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น อีโบลามาเอง ? //ว้ายยย ไม่มีคนรู้จัก
แต่ก็อยากฝากไว้อีกตอนนะคะ หนูจะพยายามปรับปรุงฝีมือให้ดีกว่านี้ ฮืออออออ


อารมณ์แบบ อยากเขียนฉากแบบนี้ แต่เขียนไม่ได้ บรรยายไม่ถูก คุณพระ
ดิฉันแทบอยากจะเอาตัวสิงไปในโน้ตบุ้คเลย แล้วให้มันประมวลผลจากต่อมมโนของดิฉันเลย


แล้วความวายป่วงของ Track นี้คือ เขียนไปประมาณ 3-4 versions เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
สรุป กลับมาใช้ version แรก ทำเหมือนกลับมาซบอกแฟนเก่า T^T
แล้ว Track นี้คอมข้าพเจ้าทำค้างไปประมาณ 2 รอบแบบไม่ auto save ด้วยจ้าาาา สนุกเลย


นี่คือมาบ่น -___________________-



ก็ Track นี้พวกเราก็ยังไม่หลุดพ้นจากวงโคจรของเด็กพี่บอยนะคะ 5555
เราชอบเพลงนี้มากเลย และต้องแบบ Pause ร้องเท่านั้น คนอื่นคัฟเวอร์ก็ไม่ชอบ
เราว่าเสียงของพี่โจ้เป็นเสียงที่มีพลัง ใครเลียนแบบก็ไม่ได้ ไม่มีเงาเสียง


อา...รักพี่โจ้นะคะ :)



แล้วก็ตอนนี้ จะเห็นได้ว่าเราชอบคนอ่านหนังสือมากๆ 55555 นี่เอาความชอบตัวเองมาใส่ล้วนๆ
เราว่าบางทีการอ่านหนังสือมันก็เป็นการสื่อสารกันแบบนึงนะ
แนวหนังสือที่ชอบ ก็บอกลักษณะตัวตนของคนคนนึงได้

(อย่างอิฉันก็มังงะ โดจิน นั่นแหละค่ะ ตัวตนของข้าพเจ้า b=..=)

อีกอย่าง เราชอบเวลาก๊กอ่านหนังสือ เพราะก๊กจะใส่แว่น น่ารักดีออกกกกก โห่ยยยย






กำลังคิดว่าจะตอบคอมเม้นต์ยังไงดี เค้าก็ยังชอบตอบในเอนทรีใหม่อยู่นะดี 555
(แม้ Google จะมีระบบ Reply ก็ตาม หลงโลกมากอิฉัน)


@Sakurai_Winter
ค้าบผม :) ขอบคุณมากค่าาาา ฟาร์มว่าฟาร์มยกคอมเม้นต์พี่ออมใน Exteen มาไว้ที่นี่ดีกว่า เพราะพี่ออมน่าจะเข้า Blogspot มากกว่า เคะๆ
อรั้ยยย อยากจะบอกว่า อ่านไปจิกหมอนไป ถึงจะหายไปนานแต่เค้าก็ยังคงรออยู่น๊า
อยากจะบอกว่า ทั้งคู่ซึนได้ใจมากอ๊ะ! ปกติหนูก๊กจะขี้โวยวาย แต่ก็มีมุมที่เงียบอยู่บ้างเหมือนกัน ทั่นฮิก็ยังคงเป็นทั่นฮิอยู่วันยังค่ำ ไม่บอกเค้า เอาแต่แอบมองอยู่นั่นล่ะ แต่ก็น๊าาา นี่ล่ะทั่นฮิตัวจริง
ชอบการบรรยายในหลาย ๆ ช่วงที่ไรเตอร์แต่งมา อ่านแล้วสนุก อิน และฟินไปด้วยในคราวเดียวกัน ไม่ว่ากี่ปี ก็จะรออ่าน 1859 อยู่เรื่อย ๆ นะคะ อัพช้ายังดีว่าไม่อัพน๊า สู้ ๆ นะคะ (((^_^)))
ปล. เราเองน๊า ที่เคยใช้ชื่อว่า Zzz31 นะคะ ตอนนี้เปลี่ยนเป็น Sakurai Winter ตามนามปากกาแล้ว - แอบเห็นที่ตอบคอมเม้นท์ ขอบคุณเช่นกันนะคะที่เขียนฟิคดี ๆ น่ารัก ๆ ฟินเวอร์แบบนี้มาให้อ่าน ชอบอะ
ขอบคุณค่าพี่ออม :)
ปกติฟาร์มชอบคิด (ไปเอง) ว่าก๊กจะโวยวายเวลาอยู่กับพวกสึนะ ยามะมากกว่า
แต่จริงๆ แล้วก๊กเป็นคนเงียบๆ ไม่จำเป็นก็จะไม่พูด (ยกเว้นเวลาอาละวาด 5555)
ส่วนคุณฮิแกชอบสะกดจิตค่ะ //ไม่ใช่แล้วววววว !
ฮ่าๆ ขอบคุณมากนะคะที่ยังอยู่ด้วยกัน ♥ จะพยายามอัพนะคะ โฮวกกกกกก ;____;


@cartoonaholic
น้ำอ้อยยยยยยยยยยยยยยยยยย จุบุ
Track 5 คลอดแล้วนะ ตอนนี้ Track 1,2,3 ก็เหี่ยวเฉาชราไปแล้วล่ะ T T

จริงๆ เรื่องความเร็วของความสัมพันธ์นี่แอบเครียดนะ
บางทีเราก็มโนไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว
แต่ติดตรงที่เรื่องมันปูมาแบบนี้นี่แหละ -*- บางทีก็อยากจะรวบหัวรวบหางไปเลย //ทำหน้าชั่วร้าย

55555

นี่จริงๆ ท่านฮิก็เป็นคนใจดีนะ ออกจะน่ารัก มุ้งมิ้ง (????????) ทำไปทั้งหมดเพราะรักล้วนๆ (เหรอ?)
ขำอ่ะ ท่านฮิจูบนม ดูเรท R18 ขึ้นมาทันที ...จีจี มันมีเหตุและมันมีผลของมันนะ (?)

บางทีท่านฮิก็แค่อยากนั่งมองหน้าก๊กนานๆไงลูก(และอยากถามว่ารักเค้าอ๊ะเปล่า ตะเอง//โดนทอนฟ่าสอยดับอนาถหน้าแป้นพิมพ์) เรียนกันคนละชั้น นอนกันคนละห้อง(?) ก็เลยคิดถึง =///=

เดี๋ยวนะ นอนคนละห้องทำไมต้องมี (?) ล่ะ 5555
แหม่ คนละห้องแต่เตียงเดียวกันก็เท่านั้นแหละ //นอนยังไงวะ ?

คุณฮินี่ไม่ค่อยเลยยยย ซึนมาก แต่พอเห็นเขาก็ถลาลงมาหาเลย -..- //โดนฆ่า

นี่เราไม่ค่อยสงสารยามะเลยอ่ะ สนุกอ่ะ ได้แกล้ง 55555555555
เรื่องนี้ยกให้เป็นเพื่อนนายเอกแห่งยุคเลยนะ ยามะเนี่ย... (หืออ)

ส่วนเท็ตสึ ก็เป็นตัวรองรับอารมณ์คนมีความรักต่อไปเถอะ
หนูจะไม่แกล้งอะไรพี่ท่านอีกแล้ว ฮิฮิ

ขอบคุณมากน้าน้ำอ้อยที่ยังไม่ลืมฟิคเรา ;_______; จุ๊บๆ





ปล. อันนี้อยากเล่าเฉยๆ คือเรากับแฟนคบกันวันที่ 9 แล้ววันที่ 9 ที่ผ่านมามันก็จะครบรอบอีกเดือนใช่มะ วันที่ 8 ก็มาเจอกันเพราะวันที่ 9 ไม่ว่าง ทั้งนี้ อิฉันลืมมมมมมมม T T ก็นึกว่าแค่เจอกันธรรมดา คำที่อิฉันบอกกับแฟนด้วยใบหน้าร่าเริงคือ

"แก วันพรุ่งนี้วันเกิดมุคุโร่"

โดนมองกลับมาด้วยสายตา ชริ้งงงงงงง -__________-+++++ แบบนี้เลย
ต้องง้อนางด้วยแหละ โทษฐานจำวันเกิดคาแรกเตอร์ได้ดีกว่าวันครบรอบตัวเอง 5555555

2 comments:

  1. ไม่ได้เข้ามาตั้งนาน ตามอ่านเงียบ ๆ มาตั้งแต่ exteen ละ

    วันนี้รุ้สึกมีลางบางอย่างแบบว่าต้องแวะมาดูงี้ แล้วก็เจอฟิคใหม่จริง ๆ ด้วยยยย

    ดีใจมากกกกกกก ลุ้นมากว่าเมื่อไหร่จะเผยใจกันละจ๊ะ

    ใจตรงกันแท้ๆๆๆๆๆๆ รู้สึกแบบอีกนิดนึง ๆ ค่อย ๆ ใกล้กันมาทีละนิดละนะ

    หาฟิค 1859 ยากมาก ยิ่งตอนนี้ยิ่งยาก T T ดีใจมากที่ยังแต่งอยู่น้า

    ปีละครั้งก้รออ่านตลอดเลย สู้ ๆ

    สงสารยามาโมโตะ นางมาแบบตัวแถมยังไงชอบกล

    ปล. เรายังทันอีโบล่านะ รุ่น ๆ กันเอง (ฮาาาาาา)

    ReplyDelete
  2. เม้นต์เรื่องเอาไปลง exteen แล้วค่ะ มันพัฒนาความยาวในการเม้นต์แต่ละตอนด้วย เม้นต์ยังไงครึ่งชั่วโมง = =;;
    ในนี้มาเมาท์เฉยๆ 5555

    คือลงฟิคแล้วทำไมไม่บอกค้าาาา นี่ยังดีว่ามีอะไร(น่าจะเป็นการจุดธูปเรียกจากก๊ก)มาดลใจให้เปิด exteen แล้วลองล็อคอินดู

    คือเค้าจะไม่รู้เรื่องเลยว่ามีRebo to Dlive ถ้าพี่ฟาร์มไม่มาบอกเนี่ย ถึงขั้นขุดงานเก่ามาทำต่อ(น่าจะเป็นลบแล้วทำใหม่หมด = =;;) >///<

    เตียงไหนก็โอค่ะ ห้องใกล้กันแค่นี้ =.,=

    อนึ่งถ้าอยากรวบหัวรวบหางก็แต่งฟิคอื่นไปด้วยเลยค่ะ จะได้ระบายสิ่งที่จิ้นไว้ วะฮะฮ่าาา//อินี่ได้คืบจะเอาศอก

    คือพี่ฟาร์มยกประโยคในเม้นต์เค้ามาอ่านเองแล้วยังอึ้งอ่ะ นี่ถึงขั้นต้องกลับไปดูว่าฉันเม้นต์อะไรลงไป อะไรคือจูบนมมมมมมมม //ขำตาย

    ไหนๆทั้งชั้นก็เป็นของท่านฮิ ทุบฝาห้องทิ้งไปเลยดีกว่าค่ะ จะได้ห้องเดียวกันเตียงเดียวกันไปเลย =.,= //ทำไมพอมาเม้นต์ในนี้แล้วรู้สึกหื่นๆ orz

    ดูแล้วการแต่งฟิคจะมีอุปสรรคขวากหนามมากมายๆ สู้ๆนะคะ อย่าตัดใจนะ ;w;

    ปล. อนึ่งไม่กล้า แฮปปี้เบิร์ธเดย์ตัวละครในเฟซ เพราะอินี่ชอบลืมไปแฮปเพื่อนตัวเป็นๆ =..=

    ReplyDelete